ประสบการณ์ร้อยแปด การใช้สมุนไพรรักษาโรค
เรื่องราวต่างๆที่ท่านจะได้รับรู้ต่อไปนี้ เว็บไซด์ของเราได้พยายามรวบรวมประสบการณ์ที่ใช้สมุนไพรได้ผลจริง สามารรถตรวจสอบได้ มีที่มาชัดเจน หากท่านผู้ใดมีประสบการณ์เด่นชัด ต้องการเผยแพร่เป็นวิทยาทาน กรุณาติดต่อกับเรา
ประสบการณ์ ลำดับที่ 1
๐ ประสบการณ์จากแพทย์
๐ โดย แพทย์หญิงกระแส วัชรปาน
อดีต แพทย์ประจำโรงพยาบาล ศิริราช และโรงพยาบาลวชิรพยาบาล
หัวหน้ากอง กองอนามัยแม่และเด็ก กระทรวงสาธารณสุข
หัวหน้ากอง กองสวัสดิการสังคมและผู้อำนวยการศูนย์เยาวชน
กรุงเทพมหานคร
จากหนังสือสมุนไพรรักษาคนไข้ ประสบการณ์จากแพทย์ สำนักพิมพ์รวมทรรศน์
ฟ้าทะลายโจร
รักษา ไข้หวัด เจ็บคอต่อมทอนซิลอักเสบ
เด็กหญิงนภาพร อายุ 14 ปี มีไข้ 38° ซ. มีอาการน้ำมูกไหลเล็กน้อย เจ็บคอมาก พูดไม่มีเสียง หลังเที่ยงจึงนอนซมลุกไม่ขึ้น
ตรวจร่างกายโดยให้อ้าปากดู ปรากฏว่าต่อมทอนซิลทั้งสองข้างโตมาก คอแดงจัดให้การวินิจฉัยว่าเป็นไข้หวัดทอนซิลอักเสบ
ในรายนี้ปรากฏว่า สาเหตุของไข้และอาการทั้งปวงเกิดขึ้นเพราะอาการอักเสบของคอและต่อมทอนซิล แทนที่จะใช้ยากินเป็นแคปซูลก็เกรงว่าผลของยาจะรักษาไม่ทันการณ์ จึงบดใบฟ้าทะลายโจรแห้งเป็นผลสัก 1 ช้อนกาแฟ ใส่ลงไปในถ้วยเล็ก ๆ หยดน้ำผึ้งลงไปคลุกเคล้ากับผงยา 3-4 หยด ใช้ช้อนเล็ก ๆ คนให้เข้ากัน นำไปกวาดคอ
ก่อนกวาดคอพึงล้างมือให้สะอาดเสียก่อน จะกวาดให้หรือผู้ป่วยกวาดเองก็ได้ กวาดแล้วไม่ต้องบ้วนยาส่วนที่เหลือออก ให้กลืนลงไปเลย
ปรากฏว่ากวาดไปเด็กหญิงนภาพรก็อาเจียนไป เพราะทนรสขมไม่ไหว แต่อาการอาเจียนที่เกิดขึ้นนั้น ไม่เป็นไร ให้ทนกวาดต่อไปจนกระทั่งยาหมด
เสร็จแล้วให้กินฟ้าทะลายโจรแบบแคปซูลต่อไป แต่ในรายนี้เป็นมากจึงให้ครั้งละ 2 เม็ด สี่เวลาคือก่อนอาหารสามมื้อและก่อนนอน
ผลการรักษาปรากฏว่าในวันรุ่งขึ้นเด็กหญิงนภาพรลุกขึ้นได้เป็นปกติ ไข้ลด ไปโรงเรียนได้ เมื่อถามว่าหายเจ็บคอแล้วหรือ เธอตอบว่าไม่เจ็บแล้วยกเว้นเวลากลืนน้ำลายมันแปลบอยู่ในส่วนลึกเท่านั้น ในกรณีนี้ที่ยังเจ็บอยู่ ลึก ๆ อาจเป็นเพราะกวาดยาไม่ถูกส่วนลึกของคอ
เมื่ออาการดีขึ้นไม่ควรจะหยุดยาในทันที ในรายของเด็กหญิงนภาพรให้กินยาในขนาดเดิมต่อไปอีก 4-5 วัน จึงค่อยหยุดยา หรือใช้วิธีดูคอ เมื่อไรทอนซิลยุบหรือคอหายแดงแล้วค่อยหยุดยาก็ได้
ไข้ กระเพาะลำไส้อักเสบจากเชื้อไวรัส
เด็กชายตุ้ยอายุ 3 ปี เป็นหวัดมา 4-5 วัน อาการไม่มากแต่อยู่ ๆ กลับมีไข้สูงบ่นปวดท้องแล้วท้องเสียถ่ายกะปริบกระปรอยเป็นมูกวันละหลาย ๆ ครั้ง อาเจียนเป็นบางครั้ง
ตรวจร่างกายพบว่า ไข้ 38° ซ. มีน้ำมูก คอแดงเล็กน้อย หน้าท้องนิ่มแต่อืด มีลมในท้องมาก การเคลื่อนไหวของลำไส้มีมากกว่าปกติ
ให้การวินิจฉัยว่าไข้ กระเพาะลำไส้อักเสบจากเชื้อไวรัส
รักษาด้วยฟ้าทะลายโจรครั้งละ 1 เม็ด วันละสามครั้งก่อนอาหาร หากเป็นผู้ใหญ่อาจต้องให้มากหน่อยคือ 3 เม็ดสามเวลาก่อนอาหาร จึงจะแก้อาการอักเสบของกระเพาะและลำไส้ได้
ปรากฏว่าอาการของเด็กชายตุ้ยดีขึ้นเรื่อย ๆ และหายสนิทภายในสองวัน
เนื่องจากอาการดีขึ้นค่อนข้างช้า จึงต้องใช้แป้งกล้วยเสริมเพื่อให้หยุดถ่าย
แป้งกล้วยทำจากกล้วยดิบมีรสฝาด ทำให้การเคลื่อนไหวของลำไส้ช้าลง
วิธีทำแป้งกล้วยสามารถทำได้ดังนี้ เอากล้วยดิบมาปอกเปลือกออก ล้างให้สะอาด ตากหรืออบให้แห้งแล้วนำมาบดเป็นผง ให้กินมื้อละ 1 ช้อนชา จะช่วยให้หยุดถ่ายได้
แต่เนื่องจากแป้งกล้วยมีสารฝาดหรือแทนนินมากลำไส้จะหยุดเคลื่อนไหวในทันทีโดยเฉพาะเด็กเล็ก ทำให้ท้องอืด เราจึงต้องแก้ด้วยการใช้สารบางอย่างเข้าไปดูดเอาลมในท้องออกเสียบ้าง เช่นให้กินโซดามินท์ จะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายขึ้น
หากผู้ป่วยเพลียอาจให้น้ำเกลือแร่เสริมได้
ไข้ ท้องเสียจากอาหารเป็นพิษ
คุณทวีชัยอายุ 38 ปี ไปกินอาหารทะเลกับเพื่อนมาเมื่อตอนเย็น ตึกวันนั้นคุณทวีชัยอาเจียนสองสามครั้งแล้ว ถ่ายเหลว มีไข้ ปวดศีรษะและมีอาการหนาวสั่น
เมื่อตรวจร่างกายพบว่า ไข้ 37.5° ซ. หน้าท้องไม่แข็งแกร่ง คลำได้น้ำกับลมเป็นช่วงในช่องท้อง มีเสียงท้องเคลื่อนไหวมากกว่าปกติดังโครกคราก
ให้การวินิจฉัยว่า อาหารเป็นพิษ
อาหารทะเลที่กินเข้าไปอาจมีสารพิษของแบคทีเรียตกค้างอยู่ เมื่อกินเข้าไปจึงเกิดอาการระคายเคืองในทางเดินอาหาร อาเจียน ท้องเสียและมีไข้
รักษาด้วยฟ้าทะลายโจร 2 เม็ด สามเวลาก่อนอาหาร
ปรากฏว่าอาการไข้ลดลงภายในหนึ่งวัน อาการท้องเสียค่อย ๆ ดีขึ้นและหยุดถ่ายในที่สุด
ทั้งนี้เพราะฟ้าทะลายโจรเข้าไปดูดซับเอาสารพิษในลำไส้ให้หมดไป ลดการระคายเคืองต่อผนังลำไส้ การเคลื่อนไหวของลำไส้ที่มากกว่าปกติจึงลดลง ทำให้การขับถ่ายเข้าสู่ภาวะปกติ นอกจากนี้ฟ้าทะลายโจรยังมีฤทธิ์ช่วยเสริมการทำงานของต่อมน้ำเหลืองในผนังลำไส้ให้จัดการกับสิ่งแปลกปลอมเช่นแบคทีเรียหรือสารพิษให้หมดไป ฉะนั้นการทำให้อาการไข้ลดลงด้วย
เนื่องจากฟ้าทะลายโจรไม่ใช่ยาหยุดอาการท้องเสียโดยตรง ดังนั้นผู้ป่วยจะยังคงถ่ายเหลวต่อไปหลังจากให้ยา หากต้องการให้หยุดถ่ายเร็วขึ้นควรให้สารที่มีรสฝาดร่วมด้วย เช่น ใบฝรั่ง น้ำชา หรือแป้งกล้วย เป็นต้น
การใช้ใบฝรั่งในกรณีที่ต้องการให้หยุดถ่ายสามารถทำได้ดังนี้ หากในบ้านมีต้นฝรั่งอยู่แล้ว ให้เด็ดเอายอดมา 2-3 ยอด ล้างให้สะอด เคี้ยวกลืนลงไป
ไข้ไทฟอยด์
คุณวันเพ็ญอายุ 25 ปี มีไข้มา 6-7 วัน ไข้สูงทุกวัน บางครั้งไข้ลดบ้างแต่ก็ยังคงสูง เบื่ออาหาร กินไม่ได้ และไม่ถ่ายอุจจาระเลยตั้งแต่ป่วย ไม่ได้เป็นหวัด ไม่ได้บ่นปวดท้อง เพียงแต่ปวดศีรษะจากอาการไข้ เพลียและซึมต้องนอนซม ตอนแรกคุณวันเพ็ญไปหาหมอที่คลินิก หมอว่าเป็นไข้หวัดให้ยามากินและให้นอนพักแต่อาการไม่ทุเลา
ตรวจร่างกายพบว่ามีไข้สูง 39 - 40° ซ. ชีพจร 90 ครั้งต่อนาที – ซึ่งค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับลักษณะไข้ ตาลอยและซึม
ให้การวินิจฉัยว่า ไข้ไทฟอยด์
ตอนแรกเมื่อคุณวันเพ็ญมาหาผู้เขียนได้ให้ไปโรงพยาบาล หมอที่โรงพยาบาลไม่ได้เจาะเลือดและไม่ยอมรับตัวไว้คงให้ยาลดไข้มากิน คุณวันเพ็ญจึงกลับมาอีกครั้ง ผู้เขียนเปิดตำราของอินเดียดูก็พบว่ามีรายงานการใช้ ฟ้าทะลายโจรรักษาไข้ไทฟอยด์ได้ผล จึงเริ่มให้ฟ้าทะลายโจร 2 เม็ดสามเวลาก่อนอาหาร
ในตอนแรกคุณวันเพ็ญซึมมาก เพลียลุกไม่ขึ้น นอกจากจะให้ฟ้าทะลายโจรรักษาแล้ว ยังให้น้ำตาลให้น้ำผึ้ง เวลาให้ยาทุกครั้งให้ดื่มน้ำผึ้งตาม ให้กินน้ำเกลือแร่ วิตามินซี แคลเซียม นอกจากนี้ยังให้ยาบำรุงประเภท บีพอลเลนและโรเยลลี่ร่วมด้วยเพื่อเสริมกำลัง
เวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ หลังจากเป็นไข้มาสิบสามสิบสี่วัน อาการของคุณวันเพ็ญก็กระเตื้องขึ้น เริ่มถ่ายอุจจาระและเริ่มกินข้าวได้
ทั้งนี้เพราะฟ้าทะลายโจรทำลายเชื้อไทฟอยด์ที่ฝังตัวอยู่ในเนื้อเยื่อของต่อมน้ำเหลืองในผนังลำไส้เล็ก ลำไส้ที่เป็นอัมพาตอยู่เดิมก็เริ่มทำงาน ฟ้าทะลายโจรยังเสริมกำลังตับ ทำให้ตับสร้างน้ำดีหลั่งออกสู่ลำไส้เล็ก การย่อยอาหารจึงดีขึ้น ผู้ป่วยเริ่มกินได้ กลับมีภูมิต้านทานและค่อย ๆ ฟื้นตัว
ในรายของไข้ไฟทอยด์ต้องรักษากันอยู่นานถึงสามสัปดาห์ หลังจากนั้นควรกินยาบำรุงประเภทบีพอลเลนและโรเยลเยลลี่ต่อไปเพื่อให้ผู้ป่วยฟื้นกำลัง
ปัจจุบันคุณวันเพ็ญหายขาดจากโรคและแข็งแรงเช่นเดิม
โรคตับ
คุณยาใจอายุ 36 ปี เป็นไข้มาประมาณ 4 5 วัน คัดจมูกเล็กน้อย ปวดศีรษะและอ่อนเพลีย ไปหาหมอแล้ว หมอบอกว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา กินยาลดไข้นอนพักก็หาย แต่คุณยาใจยังคงเบื่ออาหารและอ่อนเพลียมากจนลุกไม่ขึ้น ต้องนอนอยู่กับบ้านไม่ได้ไปทำงาน
วันหนึ่งเพื่อนมาเยี่ยมแล้วทักว่าคุณยาใจหน้าเหลือง
คุณยาใจส่องกระจกดูหน้าตัวเองก็เห็นจริง หน้าเธอเหลือง แถมตาขาวยังกลายเป็นสีเหลืองอีกด้วย เธอเพิ่งสังเกตว่าปัสสาวะและอุจจาระของเธอมีสีเหลืองจัดกว่าแต่ก่อน
ตรวจร่างกายพบว่าคุณยาใจมีไข้ต่ำ 37.4° ซ. มีอาการตัวเหลืองตาเหลืองเล็กน้อย คลำท้องแล้วตับไม่โต แต่เจ็บแน่นบริเวณชายโครงข้างขวา
ให้การวินิจฉัยว่า เป็นโรคตับอักเสบ
คุณยาใจได้รับการรักษาด้วยฟ้าทะลายโจร 2 เม็ด สามเวลาก่อนอาหาร
หลังจากรักษาไปหนึ่งสัปดาห์ ปรากฏว่าอาการไข้หายไป อาการเหลืองลดลง คุณยาใจก็บอกเองว่าปัสสาวะที่มีสีเหลืองนั้นจางลงเรื่อย ๆ เมื่อคลำท้องดูอีกครั้งปรากฏว่าบริเวณตับที่เคยเจ็บกลับหายเจ็บ แต่คุณยาใจยังคงเบื่ออาหาร กินไม่ได้และอ่อนเพลีย
จึงเพิ่มยาฟ้าทะลายโจรเป็นครั้งละ 3 เม็ด กินสามเวลาก่อนอาหารดังเดิม หลังจากนั้นปรากฏว่าคุณยาใจเริ่มกินข้าวได้และหายอ่อนเพลีย
สำหรับโรคตับที่เป็นเรื้อรังหรือเกิดจากพิษสุราเรื้อรัง ผู้ป่วยอาจจะผอมแห้ง อ่อนเพลียและมีตับโตบางรายคลำได้มากกว่าสามนิ้วมือ ห้อยต่ำลงมาจากชายโครงขวา อาจใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาได้เช่นกัน แต่ต้องงดเหล้าอย่างเด็ดขาด การรักษานอกจากจะให้ฟ้าทะลายโจรแล้ว ควรให้ยาบำรุงพวกบีพอลเลนและโรเยลเยลลี่เพื่อเสริมสมรรถภาพของร่างกาย อาการอ่อนเพลียจะดีขึ้น
งูสวัด
คุณจินตนาอายุ 23 ปี มีตุ่มใส ๆ ขึ้นที่กลางหลังพาดมาทางสีข้างด้านขวา พร้อม ๆ กับที่ตุ่มขึ้นคุณจินตนารู้สึกปวดเมื่อเนื้อตัวมากจนแทบจะจับไข้ ญาติกันว่าเป็นงูสวัดไม่ต้องรักษาก็ได้มันจะหายเอง ญาติกันว่าเป็นงูสวัดไม่ต้องรักษาก็ได้มันจะหายเอง คุณจินตนาจึงกินยาแก้ปวดประทังอาการ คนรู้จักหายาทั้งแผนโบราณและแผนปัจจุบันมาให้ทาหลายขนานแต่ตุ่มที่เป็นอยู่ก็ไม่ยุบเป็นอยู่สิบวัน คุณจินตนาเกิดทนไม่ไหวจึงมาหาผู้เขียน
ในรายวิชานี้วินิจฉัยว่าเป็นงูสวัด
ผู้เขียนให้เอาเปลือกมังคุดประมาณ 10 ลูก มาล้างให้สะอาดแล้วหั่นตามขวางให้บาง นำมาบดซ้ำอีกครั้งให้ละเอียด อาจใช้เครื่องปั่นไฟฟ้าช่วยด้วยก็ได้ เสร็จแล้วหมักด้วยเหล้าโรงหรือแอลกอฮอล์ก็ได้ ใส่เหล้าให้พอท่วมตัวยา ระยะเวลาที่ใช้หมักควรนาน 3-5 วัน นานกว่านี้ไม่เป็นไร หลังจากนั้นเอาส่วนที่เป็นน้ำมาทาตุ่ม โดยใช้ไม้พันสำลีจิ้ม
ปรากฏว่าวันรุ่งขึ้นตุ่มพุพองที่ขึ้นเป็นสายนั้นแห้งไปแต่วันต่อมามีขึ้นมาอีก
ผู้เขียนจึงให้คุณจินตนารับประทานฟ้าทะลายโจรควบคู่ไปด้วย โดยให้ 2 เม็ดสามเวลาก่อนเวลา หากตัวโตมากควรเพิ่มเป็นครั้งละ 3 เม็ด สามเวลาเช่นกัน
หลังจากได้ยาฟ้าทะลายโจรแล้วปรากฏว่าอาการปวดเมื่อยเหมือนจะเป็นไข้หายไป และแผลแห้งสนิทภายใน 5-6 วัน
แต่เนื่องจากงูสวัดเกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งและจะเป็นอยู่นาน 3 สัปดาห์ ดังนั้นควรให้ฟ้าทะลายโจรกินต่อไปให้ครบสามสัปดาห์นับตั้งแต่เริ่มเป็น ตุ่มงูสวัดจึงจะไม่กลับเป็นขึ้นมาอีก
แผลโรคเบาหวาน
แผลจากโรคเบาหวานมักเป็นเรื้อรัง และมักจะเกิดกับเท้า ทั้งนี้เนื่องจากการไหลเวียนของเลือดไปตามปลายมือปลายเท้าของผู้ป่วยเป็นเบาหวานไม่ค่อยดีนัก เมื่อเกิดแผลจึงหายช้า อีกประการหนึ่งผู้ป่วยเบาหวานที่เป็นมานานส่วนใหญ่มักจะมีอาการเส้นประสาทเสื่อมด้วย เกิดอาการชา ไม่มีความรู้สึก ดังนั้นเท้าจึงบาดเจ็บได้ง่ายโดยที่ผู้ป่วยไม่ค่อยจะรู้สึกตัว
แผลจากโรคเบาหวานมักจะอักเสบ ค่อนข้างรักษายาก
เราสามารถใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาแผลอักเสบเนื่องจากโรคเบาหวานได้ โดยใช้ได้ทั้งกินและใช้ผงแห้งใส่แผล แต่ตามความเห็นของผู้เขียนแล้วคิดว่าการใช้ฟ้าทะลายโจรแบบกินจะได้ผลมากกว่า เพราะนอกจากตัวยาจะไปตามกระแสเลือดไปรักษาแผลแล้วฟ้าทะลายโจรน่าจะมีผลต่อตับอ่อนด้วย เพราะปรากฏว่าผู้ป่วยที่กินฟ้าทะลายโจรมีระดับน้ำตาลในเลือดลดลง เมื่อระดับน้ำตาลกลับลงสู่ภาวะใกล้เคียงกับปกติแล้วโอกาสที่แผลจะหายก็มีมากกว่า
ริดสีดวงทวาร
คุณสมบูรณ์อายุ 45 ปี เป็นริดสีดวงทวารมานานหนึ่งเดือน หัวริดสีดวงโผล่ออกมาให้คลำได้ภายนอก ทำให้เจ็บและทรมานมาก เวลาถ่ายหนักทุกครั้งจะมีเลือดสด ๆ ออกมาด้วย
ให้การวินิจฉัยว่า เป็นริดสีดวงทวารชนิดหัวโผล่ออกมาภายนอก
รักษาด้วยฟ้าทะลายโจรครั้งละ 3 เม็ด วันละสี่ครั้งก่อนอาหารสามมื้อและก่อนนอน ในรายนี้ต้องกินนานถึงสองสัปดาห์
ปรากฏว่าอาการปวดค่อยทุเลาลง เวลาถ่ายเลือดไม่ออกภายในเวลา 2-3 วัน ส่วนหัวริดสีดวงค่อย ๆ ลดขนาดลง เมื่อยาหมดปรากฏว่าแทบจะไม่มีหัวริดสีดวงโผล่ออกมาอีกเลย
อีกรายหนึ่งคุณนิกรอายุ 19 ปี เป็นริดสีดวงทวารชนิดที่ถ่ายออกมาเป็นเลือด ปวดถ่วงทวารหนักแต่ไม่มีหัวโผล่ออกมา คุณนิกรไม่ได้รักษาเนื่องจากคิดว่าจะหายได้เอง จึงทิ้งไว้นานประมาณ 7 วัน ปรากฏว่าเลือดซึมออกมาจากทวารหนักไม่หยุด
ให้การวินิจฉัยว่าเป็นริดสีดวงทวาร
รักษาด้วยการให้ฟ้าทะลายโจรครั้งละ 2 เม็ดวันละสี่เวลา ก่อนอาหารสามมื้อและก่อนนอน
ปรากฏว่าอาการเลือดออกหายไปภายในสองวัน แต่ยังมีเลือดออกบ้างเวลาถ่ายหนัก เมื่อให้กินฟ้าทะลายโจรไปจนครบเจ็ดวัน ปรากฏว่าอาการปวดถ่วงหายไปและถ่ายได้สะดวกเป็นปกติ
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
ฟ้าทะลายโจรมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Andrographis paniculata (Burm) Wall.ex Nees. รู้จักกันในชื่อเรียกอื่น ๆ ตามแต่ละท้องถิ่น เช่น กรุงเทพฯ เรียก ฟ้าทะลาย น้ำลายพังพอน สงขลาเรียก หญ้ากันงู ทางพนัสนิคมเรียกฟ้าสาง เขตโพธารามเรียก เขยตายยายคลุม จังหวัดร้อยเอ็ดเรียก สามสิบดี ส่วนยะลาเรียก เมฆทะลายทางพัทลุงเรียก ฟ้าสะท้าน ชาวจีนเรียก คีบังฮี ชวงซิมน้อย เจ๊กเกี้ยงฮี โช่งเช่า หรือ ซี้ปังกี่
ฟ้าทะลายโจรเป็นพืชล้มลุก สูง 30-60 เซนติเมตร ลำต้นเป็นเหลี่ยมเห็นชัดเจน ใบติดลำต้นเป็นคู่ตรงข้ามกันในแต่ละข้อ ตัวใบรูปไข่เรียวยาว ปลายใบและโคนใบแหลม ก้านใบยาวประมาณ 0.5 เซนติเมตร ขนาดของใบกว้าง 1-3 เซนติเมตร ยาว 3-12 เซนติเมตร ดอกสีขาวขนาดเล็กประมาณ 1 เซนติเมตร ติดเป็นช่อออกทั้งที่ปลายยอดและซอกโคนก้านใบ ผลเป็นฝักแบนหนา 3-4 มิลลิเมตร ยาว 1-1.5 เซนติเมตร เมื่อฝักแก่จะแตกออกเป็นสองซีกภายในมีเมล็ดแบน ซีกละ 3-7 เมล็ด
ส่วนที่ใช้เป็นยานั้น ใช้ได้ทุกส่วนของต้นสดหรือแห้งก็ได้
สรรพคุณทางยาและวิธีใช้
ใช้แก้ไข้ : ใช้ครั้งละ 1 กำมือ (แห้งหนัก 3 กรัม สดหนัก 25 กรัม) ต้มกับน้ำดื่มก่อนอาหารเช้าและเย็นหรือเวลามีอาการ
ใช้แก้ท้องเดิน : ใช้ต้นแห้งทั้งต้น หั่นเป็นชิ้นประมาณ 1-3 กำมือ (3-4 กรัม) ต้มเอาน้ำดื่ม
สารเคมีที่สำคัญ
ฟ้าทะลายโจรมีสาระสำคัญที่เป็นตัวยา เป็นสารรสขมชื่อ แอนโดรกราไฟไลด์ (andrographolide) และ พานิโคไลด์ (panicolide) เถ้าของฟ้าทะลายโจรมีสารโปตัสเซียมสูง
ปัจจุบันจีนซึ่งเป็นที่ยอมรับของทั่วโลกว่ามีความก้าวหน้าในการวิจัยสมุนไพรมากกว่าประเทศใด ๆ ได้สกัดฟ้าทะลายโจรออกมาเป็นยาเม็ดและยาฉีด ชื่อ Kang Yan Tablet. Chuanxinlian Tablet. Chuanxinlian Antiphlogistic Pill ส่วนยาฉีดชื่อ Yamdepieng, Chuanxinlian Ruangas Injection
การขยายพันธุ์
ฟ้าทะลายโจรขยายพันธุ์ได้ง่ายโดยใช้เมล็ด สมุนไพรชนิดนี้ขึ้นได้ทั่วไปในดินทุกชนิด ปลูกได้ทุกฤดูกาล การปลูกควรปรับดินให้เรียบ หยอดเมล็ดลงในดินและกลบให้เรียบร้อย รดน้ำให้ชุ่ม
การทำยาสำเร็จรูปเพื่อใช้เอง
ฟ้าทะลายโจรมีรสขมจัด เวลาต้มกินทั้งใบและดอก มักจะรับประทานยากนัก หากต้องการใช้สะดวกรับประทานง่ายควรบดเป็นผงบรรจุลงแคปซูล
การทำฟ้าทะลายโจรเป็นผงเพื่อบรรจุลงแคปซูลนั้น ควรเลือกเอาแต่ใบ เนื่องจากป่นเป็นผงได้ง่าย ก้านไม่เอาเพราะแข็งและเหนียว ระยะเวลาที่เก็บใบเพื่อทำเป็นผงควรเป็นระยะที่ต้นฟ้าทะลายโจรเจริญเต็มที่และก่อนที่มันจะออกดอกให้ผล เนื่องจากในเวลานั้นอาหารบำรุงจากต้นจะมาที่ใบทั้งหมด
วิธีทำคือ ริดใบออกจากกิ่งแล้วนำมาผึ่งลมในที่ร่มไม่ตากแดด เพราะแสงแดดอาจจะทำลายคุณค่าทางยาของฟ้าทะลายโจรได้ ถ้าจะให้ดีให้ใช้กระจกวางทับใบจะได้ไม่งอ การผึ่งแห้งในร่มจะทำให้ใบยังคงมีสีเขียวเสวย สีสด เวลาป่นเป็นผงจะได้ผงสีเขียวสวย
แคปซูลที่ใช้ควรมีขนาด 250 มิลลิกรัม
เนื่องจากฤทธิ์ที่เป็นปฏิชีวนะของฟ้าทะลายโจรไม่สูงนัก จึงต้องใช้ปริมาณมากพอสมควร โดยปกติควรใช้ครั้งละ 1-2 เม็ด สามเวลาก่อนอาหาร แต่ถ้ามีอาการมากก็อาจเพิ่มเป็นครั้งละ 3 เม็ด สามเวลา หากเป็นเด็กให้ลดขนาดของยาลง หากต้องการใช้ลดไข้โดยเฉพาะอาจให้เมื่อมีอาการได้
การที่ต้องรับประทานยาก่อนอาหารเนื่องจากต้องการให้ตัวยาในฟ้าทะลายโจรดูดซึมเข้าไปในร่างกายอย่างเต็มที่
ระยะเวลาของการใช้ยาประมาณ 5-7 วัน โดยมากไม่ควรใช้เกิน 15 วัน
ข้อควรระวัง
ฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ลดความดันเลือดได้ ดังนั้นในคนไข้ที่มีความดันเลือดต่ำ เช่น 90/60 มม.ปรอท ไม่ควรใช้ เพื่อความปลอดภัยก่อนใช้ฟ้าทะลายโจรควรวัดความดันเลือดเสียก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายที่มีอาการเวียนศีรษะ เหนื่อยง่าย หน้ามืดและเป็นลมง่าย
สะเดา
ประสบการณ์จากแพทย์
ไข้หวัด
คุณอากรอายุ 35 ปี เป็นไข้ มีน้ำมูกเล็กน้อย เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยเนื้อตัว และปวดศีรษะมากเพราะนั่งตากลมเย็นนานเกินไป
ตรวจร่างกายพบว่ามีไข้ 38° ซ. มีน้ำมูก คอแดงไม่มาก
ให้การวินิจฉัยว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าไข้หัวลม เนื่องจากในขณะนั้นกำลังย่างเข้าฤดูหนาว
การรักษาใช้ยอดสะเดาอ่อนหรือดอกลวกน้ำร้อน หรือต้มกินกับน้ำปลาหวานแกล้มกุ้งเผาหรือปลาดุก วิธีนี้ทำให้คุณอากรกินข้าวได้ อาการปวดศีรษะหนึบ ๆ ทุเลาลง อาการครั่นเนื้อครั่นตัวปวดเมื่อยหายไป เมื่อให้กินยอดสะเดาจิ้มน้ำปลาหวานอยู่สามวันอาการไข้ที่เป็นอยู่หายขด ไม่ปวดศีรษะหรือปวดเมื่อยเนื้อตัว อาการกลับเป็นปกติดังเดิม
ไข้มาเลเรีย
ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ผู้เขียนเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลบางรัก ครั้งนั้นมีการเตรียมการเพื่อย้ายเมืองหลวงไปอยู่จังหวัดเพชรบูรณ์ โรงพยาบาลบางรักถูกย้ายไปก่อนหน่วยงานอื่น
จังหวัดเพชรบูรณ์ขณะนั้นเป็นแดนมาเลเรีย ผู้ป่วยในโรงพยาบาลจะมีอาการของมาเลเรียแทรกซ้อนมากบ้างน้อยบ้างทุกรายไป อาการไข้สูง หนาวสั่นเป็นเรื่องปกติธรรมดาบางรายอาการรุนแรงมากถึงกับขึ้นสมอง ลงกระเพาะ ท้องเสีย เยี่ยวดำ ก็มี
ยารักษามาเลเรียในตอนนั้นคือควินินแต่ไม่นานควินินที่มีอยู่ก็หมด ควินินเป็นยามาจากต่างประเทศ เมื่อควินินหมด ผู้เขียนไม่รู้จะใช้อะไรรักษามาเลเรียที่เป็นกันชุกชุม
สังเกตเห็นว่าแถบนั้นมีสะเดาปลูกกันทุกบ้าน ชาวบ้านยังเล่าว่าใช้สะเดาแก้ไข้ได้ ผู้เขียนจึงให้เก็บใบสะเดากำหนึ่งมาต้ม ใช้น้ำต้มสะเดารักษามาเลเรีย
ปรากฏว่าอาการไข้ลดลง แต่พอหยุดยา ไข้กลับขึ้นมาอีก
ทั้งนี้เป็นเพราะตัวยาในสะเดาเจือจาง การต้มมาใช้เป็นยาต้องใช้ทีละมาก ๆ ให้ทำดังนี้ เอาสะเดามาหนึ่งกอบใส่ลงไปต้ม เสร็จแล้วเอาใบที่ต้มแล้วทิ้งไป ใส่ใบใหม่ลงต้มในน้ำเดิม จนกระทั่งได้น้ำขุ่น ต่อไปเคี่ยวจนงวดจากสามส่วนให้เหลือเพียงหนึ่งส่วน
ให้ผู้ป่วยกินครั้งละหนึ่งชามโคม สะเดามีรสขมหวานพอดื่มได้ หากได้ดื่มตอนกำลังอุ่นจะกินง่ายกว่า เด็กบางคนก็กินได้ กินยาแล้วให้นอนห่มผ้าคลุมทั้งตัว สักพักใหญ่เหงื่อจะออก อาการไข้สั่นทุเลาลงรู้สึกสบายขึ้น
ให้กินต่อไปวันละสามครั้ง 3-4 วัน อาการที่เป็นอยู่จะหายขาด ผู้ป่วยที่ต้องนอนโรงพยาบาลก็กลับบ้านได้
สะเดาสามารถรักษามาเลเรียที่มีอาการไม่รุนแรงให้หายขาดได้ หากเป็นพวกจับวันเว้นวันหรือเกิดจากเชื้อมาเลเรียไวแวกซ์ อาการจะหายเป็นปลิดทิ้ง แต่ถ้าผู้ป่วยเป็นมาเลเรียจากเชื้อฟัลซิปารัมมักมีอาการแทรกซ้อน หากไม่ถึงกับมีอาการของมาเลเรียขึ้นสมอง ยังสามารถใช้สะเดารักษาได้
ผู้เขียนใช้สะเดากับผู้ป่วยหลายราย พบข้อดีของสะเดาอย่างหนึ่งคือสะเดาไม่มีอาการแทรกซ้อน ถึงให้กินมากเท่าไรก็ไม่เกิดอาการวิงเวียนหรือหูอื้อเช่นการกินยาควินิน
บิด
เด็กชายอำพลอายุ 7 ปี มีไข้แล้วท้องเสียกะปริบกะปรอยวันละสิบกว่าครั้ง ถ่ายออกมาเป็นมูกเลือด อุจจาระมีกลิ่นเหม็นเน่า และมีอาการปวดท้องเป็นพัก ๆ
ตรวจร่างกายพบว่ามีไข้ 38° ซ. ท้องอืด อุจจาระมีมูกและเลือดปน
ให้การวินิจฉัยว่าเป็นบิด
รักษาโดยการให้เอาเปลือกสะเดามาต้ม เคี่ยวน้ำจากสามส่วนเหลือหนึ่งส่วน กินครั้งละหนึ่งชามวันละสามครั้ง
ปรากฏว่าอาการดีขึ้น ไข้ลด ไม่ปวดท้องและถ่ายลดจำนวนครั้งลง สามวันต่อมาอาการที่เป็นอยู่หายไปหมด
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
สะเดามีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Azadirachta indica A. Juss. Var. siamensis Valeton. รู้จักกันในชื่อเรียกอื่น ๆ ตามแต่ละท้องถิ่น เช่น ทางภาคใต้เรียก เดา กะเดา นครพนมเรียก กาเดา ทางภาคเหนือเรียก สะเลียม ภาษาส่วยเรียก จะตัง ส่วนที่เขมรเรียก สะเก
สะเดาเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง เปลือกเป็นร่องน้อย ๆ ใบเล็กยาว ริมใบเป็นจักเล็ก ๆ รอบใบ ดอกออกเป็นช่อสีเขียวเหลือง ผลกลมโตขนาดเท่าผลองุ่น มีรสขมจัดมาก
ส่วนที่ใช้เป็นยานั้นใช้ได้ทั้งใบ ก้านใบ ดอก ผลสะเดา เปลือก กระพี้ ตลอดจนแก่นสะเดาก็เป็นยา
สรรพคุณทางยาและวิธีใช้
ใบสะเดา : รสขมฝาดเย็น บำรุงธาตุไฟ ทำให้อุจจาระละเอียด แก้อาเจียน แก้สะอึก แก้พิษฝีแก้ไข แก้ดีพิการ แก้พยาธิ โรคในคอ บำรุงโลหิตและน้ำดี
ก้านใบ : ลดไข้และดับพิษ
ดอก : แก้พิษโลหิตกำเดา แก้ริดสีดวงในคอ บำรุงธาตุ
ลูกสะเดาอ่อน : รสขมปร่า แก้ลมหทัยวาต และสันตะวาต ทำให้เจริญอาหาร
เปลือก : รสขมฝาดเย็น แก้ในกองเสมหะ แก้บิด แก้กระษัย
กระพี้ : รสขมเย็นฝาดเล็กน้อย แก้น้ำดีพิการ แก้อาการเพ้อคลั่ง
แก่น : ลดไข้ ดับพิษทั้งปวง แก้คลื่นไส้อาเจียน แก้ลม
สารเคมีที่สำคัญ
สะเดามีสาระสำคัญที่เป็นตัวยา เป็นสารรสขม ในเปลือกต้นมีสารนิมบิน (Nimbin) เดซาสิทิลนิมบิน (desacetylnimbin) ในใบมีเควอซิติน (Quercetin) ในเมล็ดมีอซาดิแรคติน (Azadirachtin) และสารจำพวกควิโนน (Quinone)
การขยายพันธุ์
สะเดาขยายพันธุ์ได้โดยใช้หน่ออ่อน
ลูกใต้ใบ
ประสบการณ์จากแพทย์
ไข้ทับระดู
คุณผ่องใสอายุ 41 ปี มีอาการตะครั่นตะครอ ปวดเมื่อยตามเนื้อตัวและปวดศีรษะทุกครั้งขณะมีประจำเดือน ต่อมาถึงกับมีไข้และปวดท้องน้อยด้วย จึงไปทำงานไม่ได้
ตรวจร่างกายพบว่ามีไข้ต่ำ ๆ37.3° ซ. ท้องอืด
ให้การวินิจฉัยว่าเป็นไข้ทับระดู
รักษาด้วยลูกใต้ใบ โดยเอาลูกใต้ใบทั้งต้นรวมราก โคนใบและลูกมา 1 กำมือ ล้างให้สะอาดมัดด้วยตอกสามเปลาะห่างกันพอสมควร ใส่หม้อใส่น้ำพอท่วม ต้มให้เดือดนาน 10 นาที แล้วยกลงรินน้ำยาให้ดื่มตอนร้อน ๆ เพราะรสขมจัด ยาที่มีรสขมควรดื่มขณะร้อนเพราะจะทำให้กินได้ง่ายกว่า สำหรับลูกใต้ใบให้กินครั้งละหนึ่งถ้วยสามเวลา วันหนึ่งให้แก้ตอกออกเปลาะหนึ่ง ยามัดเก่าใช้ต้มกินดังที่กล่าวมาวันละสามเวลา กินสามเวลาติดต่อกัน แก้ตอกออกทีละเปลาะเมื่อดื่มยาแต่ละครั้ง
ผลการรักษาปรากฏว่า ไข้ต่ำ ๆ ที่คุณผ่องใสเป็นอยู่ลดลง อาการปวดเมื่อยลดลง ไม่ปวดท้อง เริ่มกินข้าวได้สบายขึ้นเรื่อย ๆ จนเป็นปกติ
หากสามวันอาการยังไม่หายสนิท ให้เก็บลูกใต้ใบมาอีกหนึ่งกำมือแล้วต้มอย่างเดียวกัน กินวันละครั้งไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหายขาด
ไข้หวัด
คุณคำนึงอายุ 26 ปี เป็นไข้มาสามวัน มีอาการหวัดน้ำมูกไหลจนหยด ไม่เจ็บคอ คุณคำนึงไปซื้อยาชุดตามร้านขายยามากินแล้วปรากฏว่าแสบกระเพาะและมีอาการอาเจียน คุณคำนึงจึงปฏิเสธไม่ยอมใช้ยาแผนปัจจุบัน
เมื่อตรวจร่างกาย พบว่าคุณคำนึงมีไข้ 38.5°ซ. มีคอแดงเล็กน้อย
ให้การวินิจฉัยว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา
รักษาด้วยลูกใต้ใบ หนึ่งกำมือ เอาตอกมัดสามเปลาะใส่น้ำพอท่วมต้น เดือด 10 นาที แล้วรินยาออกมาหนึ่งถ้วยให้กิน ที่เหลือต้มต่อไปให้กินในวันรุ่งขึ้นอีกสองวันกินครั้งหนึ่งให้แก้ตอกออกเปลาะหนึ่งแล้วให้นอนพัก
ปรากฏว่าอาการไข้ลดลง น้ำมูกน้อยลงบ้าง เมื่อกินครบสามครั้ง ปรากฏว่าอาการไข้หายไป ยังคงมีอาการหวัดคัดจมูกอยู่เล็กน้อย คุณคำนึงสามารถไปทำงานได้ตามปกติ
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
ลูกใต้ใบมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Phyllandthus urinaria Linnl. รู้จักกันในชื่ออื่น ๆ ตามแต่ละท้องถิ่นเช่นที่นครสวรรค์ อ่างทอง ชุมพรเรียก หญ้าใต้ใบ สุราษฎร์ธานีเรียก หญ้าใต้ใบขาว ชลบุรีเรียก ไฟเดือนห้า ทางภาคเหนือเรียก มะขามป้อมดิน เลยเรียก หมากไข่หลังประเทศจีนเรียก จูเกี๋ยเช่า
ลูกใต้ใบเป็นพืชล้มลุกมีอายุเพียงปีเดียว ลำต้นตั้งตรงสูง 50-80 เซนติเมตร ตามส่วนข้อของต้นมักมีสีชมพู ใบรูปคล้ายไข่ ขอบใบเกือบขนานกัน โคนใบมน ปลายใบแหลมหรือปลายใบมนหลังมีติ่งแหลม ด้านบนของใบสีเขียวเข้มด้านใต้ใบสีอ่อนกว่า ก้านใบสั้นมาก ดอกออกตามซอกโคนก้านใบ มีทั้งดอกตัวผู้และตัวเมีย ขนาดของดอกเล็กมากมีสีเหลืองซีดหรืออมเขียว ผลรูปเดือยกลม ขนาดประมาณ 3 มิลลิเมตร ผิวนอกขรุขระคล้ายตุ่มหนาม ก้านผลสั้นมากประมาณ 1 มิลลิเมตร
ส่วนที่ใช้เป็นยาได้นั้นใช้ทั้งต้นสดหรือแห้ง
สรรพคุณทางยาและวิธีใช้
แก้ไข : ใช้ครั้งละ 1 กำมือ (แห้ง 3 กรัม สด 25 กรัม) ต้มกับน้ำ ดื่มก่อนอาหารเช้าและเย็นหรือเวลามีอาการ
การขยายพันธุ์
ลูกใต้ใบใช้เมล็ดในการขยายพันธุ์ ขึ้นได้ในดินทุกชนิด และเจริญเติบโตได้ดีในฤดูฝน การปลูกป่าใต้ใบนั้นมักไม่มีการปลูกกินแต่อย่างใด เพราะลูกใต้ใบเป็นพืชล้มลุกที่พบได้ทั่วไปในที่โล่งแจ้งหรือตามร่มเงา และจะพบมากในฤดูฝน
ข้อสังเกต
สำหรับลูกใต้ใบกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้รับรองแล้วว่ามีผลรักษาใช้ได้แน่นอน
บอระเพ็ด
ประสบการณ์จากแพทย์
ไข้หวัด
คุณสงวนอายุ 32 ปี เป็นไข้หวัด มีอาการระคายคอในวันต่อมาไข้สูงและเจ็บคอมากขึ้น เริ่มมีอาการไอและมีเสมหะ ในคอสีขาว ปวดเมื่อยเนื้อตัวมาก
ตรวจร่างกายพบว่ามีไข้ 38.7°ซ. เยื่อจมูกบวม คออักเสบแดง ทอนซิลเริ่มโตขึ้นเล็กน้อย
ให้การวินิจฉัยว่า เป็นไข้หวัดคออักเสบ
รักษาด้วยการกินบอระเพ็ด 2 แคปซูล เวลามีอาการไข้แล้วให้นอนพัก ส่วนอาการเจ็บคอให้เอาบอระเพ็ดยาวประมาณ 1 องคุลี (หรือ 1 ข้อนิ้วมือ) แล้วกลืนลงไปทั้งน้ำทั้งกาก
ปรากฏว่าอาการไข้ลดลง แต่อาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัวยังคงมีอยู่ เนื่องจากบอระเพ็ดมีฤทธิ์ลดไข้เท่านั้นไม่สามารถลดอาการปวดได้ ส่วนอาการเจ็บคอค่อยทุเลาลง อาการไอและเสมหะน้อยลงภายในวันรุ่งขึ้น
คุณสงวนกินบอระเพ็ดแคปซูลต่อไปจนครบเจ็ดวันก็หายเป็นปกติ
ป้องกันไข้มาเลเรีย
บอระเพ็ดเป็นยาที่พระธุดงค์ใช้มานาน หลายรูปมีเถาบอระเพ็ดติดย่ามไว้เสมอ ทุกวันท่านจะเอาออกมาเคี้ยวกินวันละครั้ง ใช้บอระเพ็ดครั้งละ 2-3 องคุลี ปรากฏว่าเวลาที่ท่านธุดงค์ในป่านั้นจะไม่เป็นไข้มาเลเรีย กระทั่งไข้หวัด ไข้อักเสบธรรมดาก็พลอยไม่เกิดกับตัวของท่านด้วย บอระเพ็ดยังมีประโยชน์อื่นอีก เวลากระหายน้ำสามารถเอาออกมาอมให้ชุ่มคอดับกระหายได้
ส่วนยาป้องกันโรคอย่างอื่นที่พระธุดงค์ใช้กัน เช่น พริกไทย พริกไทยสามารถใช้ป้องกันโรคได้เกือบทุกชนิด โดยมีวิธีกินดังนี้ ให้เริ่มต้นกินในวันจันทร์ 1 เม็ด เคี้ยวแล้วกลืนวันอังคารเพิ่มเป็น 2 เม็ด วันพุธ 3 เม็ด วันพฤหัสบดี 4 เม็ด เพิ่มวันละหนึ่งเม็ดเรื่อยไป จนถึงวันอาทิตย์ก็กิน 7 เม็ด ครั้นถึงวันจันทร์อีกรอบให้กิน 1 เม็ดตามเดิมวนเวียนไปอย่างนี้ หากกินได้จะแข็งแรงไม่เจ็บป่วยง่าย ระบบย่อยอาหารไม่ติดขัด ร่างกายกระปรี้กระเปร่าขึ้น
ยาป้องกันโรคอย่างอื่นก็มีขิง ให้ใช้เคี้ยวกินวันละเล็กละน้อยทุกวันไป ว่ากันว่าจะแข็งแรงไม่เจ็บป่วยง่ายเช่นเดียวกัน
บอระเพ็ดเป็นยาอายุวัฒนะ
บอระเพ็ดยังเป็นยาอายุวัฒนะ หากกินได้ดังวิธีที่จะกล่าวต่อไปข้างใต้นี้จะมีสุขภาพแข็งแรง ไม่เป็นไข้ง่าย โรคร้ายต่าง ๆ จะไม่เกิดกับตัว แข็งแรงกระปรี้กระเปร่า กระฉับกระเฉง เดินได้ไวกว่าเดิม ว่ากันว่าคนกินบอระเพ็ดจะสามารถมีอายุยืนถึงหนึ่งร้อยปีทีเดียว
มีวิธีกินดังนี้ ให้ตัดเถาบอระเพ็ดเป็นสองสาย
สายหนึ่งยาวเท่ากับรอบศีรษะของคนที่จะกิน อีกสายหนึ่งยาวเท่ากับความสูงของคนกินวัดตั้งแต่ยอดศีรษะลงไปหาเท้า
ตอนเช้าให้กินสายสั้น เคี้ยวแล้วกลืนให้หมดทั้งน้ำทั้งกาก พอถึงมื้อเย็นให้กินสายยาวจนหมด กินอย่างนี้ครั้งเดียวจะได้ผลไปตลอดชีวิต
ว่ากันว่าคนที่กินบอระเพ็ดได้ขนาดนี้เลือดจะขม ยุงจะไม่ยอมกัด จึงไม่ป่วยด้วยโรคไข้มาเลเรีย เชื้อโรคอื่นๆ ก็น่าจะอยู่ไม่ได้เช่นกัน จึงมีสุขภาพแข็งแรงและมีอายุยืน
เบาหวาน
คุณอรุณีอายุ 51 ปี เป็นเบาหวานมาหลายปี ใช้ยาแผนปัจจุบันแล้วไม่สามารถควบคุมเบาหวานได้ ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ระหว่าง 200-300 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ คุณอรุณีมีอาการเวียนศีรษะและอ่อนเพลียอยู่เป็นประจำจึงเบื่อหันมาหาวิธีรักษาตัวแบบแผนโบราณ
ผู้เขียนจึงให้ทำบอระเพ็ดแคปซูลกินครั้งละ 2 เม็ด วันละสามครั้งเรื่อยไป
ปรากฏว่าอาการอ่อนเพลียเวียนศีรษะที่เป็นมาโดยตลอดหายไป เมื่อกรวดน้ำตาลในปัสสาวะด้วยตนเองที่บ้าน ปรากฏว่าจากที่เคยมีน้ำตาลในปัสสาวะ 4+ กลายเป็นไม่มีน้ำตาลในปัสสาวะ
สำหรับคนที่ทนขมได้เก่ง ๆ อาจจะไม่จำเป็นต้องเอาบอระเพ็ดใส่แคปซูลก็ได้ ใช้บอระเพ็ดบดเป็นผงกินครั้งละหนึ่งช้อนชา วันละสามเวลาก็ได้เช่นกัน
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
เนื่องจากในประเทศไทยมีบอระเพ็ดหลายพันธุ์ และมีชื่อเรียกในภาษาวิทยาศาสตร์หลายชื่อ ที่เราเรียกว่บอระเพ็ดโดยทั่ว ๆ ไปนั้นได้แก่ Tinospora tuberculata, Beumee., Tinospora rumphil, Boerl., Tinospora crispa, Diels., และ Tinospora nudifora, Kurz. และรู้จักกันในชื่ออื่น ๆ ตามแต่ละท้องถิ่น เช่น ทางภาคเหนือเรียก จุ้งจาลิง ที่หนองคายเรียก เจตมูลหนาม ที่อุบลราชธานีเรียก หางหนู และสระบุรีเรียก เถาหัวด้วน
บอระเพ็ดเป็นไม้เลื้อยเนื้ออ่อน แต่ถ้ามีอายุมากเนื้อของลำต้นอาจแข็งได้ ลำต้นเป็นเถาขนาดเท่านิ้วมือ มีไส้เป็นเส้นยาว ตามเปลือกลำต้นมีปุ่มปมกระจายทั่วไปเป็นจำนวนมาก ยางมีรสขมจัด ใบเดียวติดเป็นแบบสลับ รูปไข่ป้อม โคนใบเป็นรูปหัวใจ ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ ขนาดกว้าง 3.5-10 เซนติเมตร ยาว 6-13 เซนติเมตร ดอกเป็นช่อยาว 7-25 เซนติเมตร ดอกเล็กมากมีสีเหลืองอมเขียว ผลรูปไข่สีเหลืองหรือสีส้มขนาด 2-3 เซนติเมตร
ส่วนที่ใช้เป็นยาคือเถาหรือลำต้นสด
สรรพคุณทางยาและวิธีใช้
แก้ไข้ : ใช้ครั้งละ 1/4 คืบ (30-40 กรัม) ตำคั้นเอาน้ำดื่มหรือต้มกับน้ำ ดื่มก่อนอาหารวันละ 2 ครั้ง เช้าเย็น หรือเวลามีอาการ
การขยายพันธ์
การขยายพันธุ์บอระเพ็ดนั้นใช้เถาปักชำ จะขึ้นได้ในดินทั่วไป แต่ชอบดินร่วนซุย ควรปลูกในฤดูฝน การปลูกบอระเพ็ดนั้นให้ตัดเถายาวประมาณ 1 คืบ ชำลงในดินให้เอียงเล็กน้อยลึกประมาณ 10 เซนติเมตร รดน้ำให้ชุ่ม เมื่อแตกใบและรากมากพอควร จึงย้ายไปปลูกโดยมีค้างสำหรับให้ต้นบอระเพ็ดเลื้อย
สะดวกใช้
เนื่องจากบอระเพ็ดมีรสขมขื่นมากและกินยาก เราสามารถนำมาดัดแปลงทำให้กินง่ายลงดังนี้ เอาเถาบอระเพ็ดมาตากแห้งแล้วบดให้ละเอียดเป็นผง บรรจุลงในแคปซูลขนาด 250 มิลลิกรัม ใช้กินมื้อละ 2 แคปซูลจะสะดวกกว่าการเคี้ยวแล้วกลืนแบบโบราณ