ReadyPlanet.com
dot
dot
สมุนไพรยุคใหม่
dot
bulletผลวิจัยสมุนไพรยุคใหม่
bulletผลวิจัยสมุนไพรต้านมะเร็ง
dot
ภาพสมุนไพรและสรรพคุณ
dot
bulletภาพสมุนไพร และสรรพคุณ จำนวน 712 ชนิด ( ชมภาพขนาด 500 X 375 Px)
dot
ประสบการณ์ ผู้ใช้สมุนไพร
dot
bulletประสบการณ์ที่ 1
bulletประสบการณ์ที่ 2
bulletประสบการณ์ที่ 3
dot
ข้อแนะนำในการใช้ยาสมุนไพรและยาแผนปัจุบัน
dot
bulletการใช้ยาสมุนไพรและยาแผนปัจจุบัน
dot
สรรพคุณสมุนไพร แก้โรคต่างๆ 42 โรค
dot
bullet แก้ไข้
bulletแก้ตกโลหิต/ห้ามเลือด
bulletแก้ตับทรุด ม้ามย้อย
bulletแก้ตานซาง
bulletท้องร่วง แก้บิด
bulletแก้นำเหลืองเสีย
bulletแก้ประดง
bulletแก้พิษเบื่อเมา
bulletแก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย
bulletแก้พิษอักเสบ
bulletแก้ริดสีดวงทวาร
bulletแก้โรคตา
bulletแก้โรคผิวหนัง
bulletแก้โรคฟัน
bulletแก้โรคหู
bulletแก้สะอึก
bulletแก้เสมหะ ( คูถเสมหะ)
bulletแก้เสมหะ (ศอเสมหะ)
bulletแก้เสมหะ (อุระเสมหะ)
bulletแก้อักเสบ ฝี หนอง มะเร็ง
bulletแก้อาเจียน
bulletแก้ไอ ขับเสมหะ
bulletแก้ไอ หรืออาเจียนเป็นโลหิต
bulletขับปัสสาวะ และนิ่ว
bulletขับพยาธิ์ลำไส้
bulletขับลมในลำไส้ (บำรุงธาตุ)
bulletขับโลหิตระดู
bulletขับเหงื่อ
bulletเจริญอาหาร
bulletทำให้ถ่ายอย่างแรง
bulletทำให้ระบายท้อง
bulletทำให้อาเจียน
bulletบำรุงครรภ์รักษา
bulletบำรุงนำดี
bulletบำรุงนำนม/ขับนำนม
bulletบำรุงประสาท
bulletบำรุงปอด
bulletบำรุงโลหิต
bulletบำรุงเส้นเอ็น
bulletบำรุงหัวใจ
bulletฟอกโลหิตระดู
bulletอายุวัฒนะ
dot
การใช้สมุนไพร ยามเจ็บป่วย
dot
bulletอาการไข้ ตัวร้อน
bulletอาการไอ
bulletกลิ่นปาก และ แผลในปาก
bulletปวดฟัน
bulletปวดเจ็บท้อง จุกแน่น หรือแสบแน่นท้อง
bulletท้องเสีย ท้องเดิน
bulletท้องผูก
bulletอาเจียน
bulletผดผื่นคัน โรคผิวหนัง
bulletแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
bulletแผลอักเสบ สิว หนอง
bulletปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดตามข้อ
dot
ยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณ
dot
bulletยาสามัญประจำบ้าน 27 ขนาน ตามประกาศกระทรวง
dot
สูตรยาสมุนไพรโบราณ รักษาโรค 200 สูตร
dot
bulletยาแก้ขัดเบา
bulletยาแก้ไข้
bulletยาแก้ไข้ทับระดู
bulletยาแก้ไข้ท้องร่วง
bulletยาแก้ไข้ระงับพิษ
bulletยาแก้ไข้หวัด
bulletยาแก้ไข้หวัดใหญ่
bulletยาแก้ไข้หืด หัด สุกใส
bulletยาแก้ความจำเสื่อม
bulletยาแก้ความดันโลหิตสูง
bulletยาแก้งูสวัด
bulletยาแก้เด็กเป็นซาง
bulletยาแก้ตกเลือด
bulletยาแก้ตับทรุด
bulletยาแก้ตาแดง ตาเจ็บ
bulletยาแก้ตานขโมย
bulletยาแก้ต่อมทอนซิลอักเสบ
bulletยาแก้ท้องขึ้น ท้องเฟ้อ
bulletยาแก้ท้องเดิน ท้องเสีย
bulletยาแก้ท้องร่วง
bulletยาแก้ท้องอืด
bulletยาแก้นิ่ว
bulletยาแก้บิด มูกเลือด
bulletยาแก้ปวดฟัน
bulletยาแก้ปัญหาทางเพศ
bulletยาแก้ปวดเมื่อย
bulletยาแก้ปวดหลัง
bulletยาแก้ปวดหู
bulletยาแก้พิษบาดทะยัก
bulletยาแก้ มดลูกอักเสบ
bulletยาแก้ระดูไม่มาตามกำหนด
bulletยาแก้ร้อนในกระหายนำ
bulletยาแก้โรคกระเพาะ
bulletยาแก้โรคกระษัย
bulletยาแก้โรคดีซ่าน
bulletยาแก้โรคตับ
bulletยาแก้โรคเบาหวาน
bulletยาแก้โรคมะเร็ง
bulletยาแก้โรคริดสีดวงจมูก
bulletยาแก้โรคริดสีดวงทวาร
bulletยาแก้โรคลมต่างๆ
bulletยาแก้โรคหนองใน
bulletยาแก้เหน็บชาและอัมพาต
bulletยาแก้อาการผิดสำแดง
bulletยาแก้ไอ
bulletยาขับปัสสาวะ
bulletยาขับและฆ่าพยาธิ
bulletยาชะลอความชรา
bulletยาดองเหล้า
bulletยาทารักษาบาดแผลสด
bulletยาทำให้ผิวพรรณสวยงาม
bulletยาบำรุงกระดูก
bulletยาบำรุงกำลัง
bulletยาบำรุงไต แก้กามตายด้าน
bulletยาบำรุงธาตุ เจริญอาหาร
bulletยาบำรุงร่างกาย
bulletยาบำรุงโลหิต
bulletยารักษาธาตุ
bulletยาลดไขมัน
bulletยาสตรีที่ประจำเดือนผิดปกติ
bulletยาสตรีปวดประจำเดือนมาก
bulletยาสตรีวัยทอง
bulletยาเสาธงเหล็ก
bulletยาหม่องนำ ดมแก้หวัด
dot
ยาอายุวัฒนะ
dot
bulletชุดที่ 1 จำนวน 12 ขนาน
bulletชุดที่ 2 จำนวน 27 ขนาน
dot
ยอดยาสมุนไพร ขนานเอก ยุค จิ๋นซีฮ่องเต้
dot
bulletสูตรไข่ดิบดองน้ำส้มสายชูหมัก
dot
ยอดตำรายาสมุนไพรไทย
dot
bulletตำรายาเหงือกปลาหมอ
bulletตำรายาหัวกวาวเครือ
dot
สมุนไพรที่น่ารู้จัก
dot
bulletเรื่องที ๑ สารสกัดจากเมล็ดองุ่น
bulletเรื่องที่ ๒ สมุนไพร โสม
bulletเรื่องที่ ๓ เห็ดหลินจือกับแพทย์แผนปัจจุบัน
bulletเรื่องที่ ๔ สารสกัดจากเปลือกต้นสนมาริไทม์
dot
สาระน่ารู้ เคล็ดลับร้อยแปด
dot
bulletข่าวจากหนังสือพิมพ
bulletอาหารที่ทำให้อายุสั้น 10 อย่าง
bulletนมกับผลร้ายเมื่อดื่ม
bulletผลร้ายของการดื่มนม – ความลับด้านหลังดวงจันทร์
bulletประสบการณ์และข้อคิด อีกมุมหนึ่งของการดื่มนม
bulletอ่านสุขภาพจากการตรวจด้วยเทคโนโลยียุคใหม่
bulletเหตุที่คนญี่ปุ่นไม่ดื่มชาเขียวแช่เย็น
bulletเผยเคล็ดลับคนดังลดน้ำหนักอย่างได้ผล
dot
Updateข่าวสมุนไพร
dot
bulletข่าวจากหนังสือพิมพ์
dot
Newsletter

dot




ประสบการณ์ที่ 1

 

ประสบการณ์ร้อยแปด การใช้สมุนไพรรักษาโรค
         เรื่องราวต่างๆที่ท่านจะได้รับรู้ต่อไปนี้ เว็บไซด์ของเราได้พยายามรวบรวมประสบการณ์ที่ใช้สมุนไพรได้ผลจริง สามารรถตรวจสอบได้ มีที่มาชัดเจน หากท่านผู้ใดมีประสบการณ์เด่นชัด ต้องการเผยแพร่เป็นวิทยาทาน กรุณาติดต่อกับเรา
 ประสบการณ์ ลำดับที่ 1
 ๐ ประสบการณ์จากแพทย์
 
                                                                         
 
โดย แพทย์หญิงกระแส วัชรปาน    
   อดีต    แพทย์ประจำโรงพยาบาล ศิริราช และโรงพยาบาลวชิรพยาบาล
             หัวหน้ากอง กองอนามัยแม่และเด็ก กระทรวงสาธารณสุข
             หัวหน้ากอง กองสวัสดิการสังคมและผู้อำนวยการศูนย์เยาวชน    
                                กรุงเทพมหานคร
จากหนังสือสมุนไพรรักษาคนไข้ ประสบการณ์จากแพทย์  สำนักพิมพ์รวมทรรศน์
 
                                                                     ฟ้าทะลายโจร
 
                                  
                                             
รักษา ไข้หวัด เจ็บคอต่อมทอนซิลอักเสบ
 
        เด็กหญิงนภาพร อายุ 14 ปี มีไข้ 38° ซ. มีอาการน้ำมูกไหลเล็กน้อย เจ็บคอมาก พูดไม่มีเสียง หลังเที่ยงจึงนอนซมลุกไม่ขึ้น
                ตรวจร่างกายโดยให้อ้าปากดู ปรากฏว่าต่อมทอนซิลทั้งสองข้างโตมาก คอแดงจัดให้การวินิจฉัยว่าเป็นไข้หวัดทอนซิลอักเสบ
                ในรายนี้ปรากฏว่า สาเหตุของไข้และอาการทั้งปวงเกิดขึ้นเพราะอาการอักเสบของคอและต่อมทอนซิล แทนที่จะใช้ยากินเป็นแคปซูลก็เกรงว่าผลของยาจะรักษาไม่ทันการณ์ จึงบดใบฟ้าทะลายโจรแห้งเป็นผลสัก 1 ช้อนกาแฟ ใส่ลงไปในถ้วยเล็ก ๆ หยดน้ำผึ้งลงไปคลุกเคล้ากับผงยา 3-4 หยด ใช้ช้อนเล็ก ๆ คนให้เข้ากัน นำไปกวาดคอ
                ก่อนกวาดคอพึงล้างมือให้สะอาดเสียก่อน จะกวาดให้หรือผู้ป่วยกวาดเองก็ได้ กวาดแล้วไม่ต้องบ้วนยาส่วนที่เหลือออก ให้กลืนลงไปเลย
                ปรากฏว่ากวาดไปเด็กหญิงนภาพรก็อาเจียนไป เพราะทนรสขมไม่ไหว แต่อาการอาเจียนที่เกิดขึ้นนั้น     ไม่เป็นไร ให้ทนกวาดต่อไปจนกระทั่งยาหมด
                เสร็จแล้วให้กินฟ้าทะลายโจรแบบแคปซูลต่อไป แต่ในรายนี้เป็นมากจึงให้ครั้งละ 2 เม็ด สี่เวลาคือก่อนอาหารสามมื้อและก่อนนอน
                ผลการรักษาปรากฏว่าในวันรุ่งขึ้นเด็กหญิงนภาพรลุกขึ้นได้เป็นปกติ ไข้ลด ไปโรงเรียนได้ เมื่อถามว่าหายเจ็บคอแล้วหรือ เธอตอบว่าไม่เจ็บแล้วยกเว้นเวลากลืนน้ำลายมันแปลบอยู่ในส่วนลึกเท่านั้น ในกรณีนี้ที่ยังเจ็บอยู่ ลึก ๆ อาจเป็นเพราะกวาดยาไม่ถูกส่วนลึกของคอ
                เมื่ออาการดีขึ้นไม่ควรจะหยุดยาในทันที ในรายของเด็กหญิงนภาพรให้กินยาในขนาดเดิมต่อไปอีก 4-5 วัน จึงค่อยหยุดยา หรือใช้วิธีดูคอ เมื่อไรทอนซิลยุบหรือคอหายแดงแล้วค่อยหยุดยาก็ได้
 
ไข้ กระเพาะลำไส้อักเสบจากเชื้อไวรัส
                เด็กชายตุ้ยอายุ 3 ปี เป็นหวัดมา 4-5 วัน อาการไม่มากแต่อยู่ ๆ กลับมีไข้สูงบ่นปวดท้องแล้วท้องเสียถ่ายกะปริบกระปรอยเป็นมูกวันละหลาย ๆ ครั้ง อาเจียนเป็นบางครั้ง
                ตรวจร่างกายพบว่า ไข้ 38° ซ. มีน้ำมูก คอแดงเล็กน้อย หน้าท้องนิ่มแต่อืด มีลมในท้องมาก การเคลื่อนไหวของลำไส้มีมากกว่าปกติ
                ให้การวินิจฉัยว่าไข้ กระเพาะลำไส้อักเสบจากเชื้อไวรัส
                รักษาด้วยฟ้าทะลายโจรครั้งละ 1 เม็ด วันละสามครั้งก่อนอาหาร หากเป็นผู้ใหญ่อาจต้องให้มากหน่อยคือ 3 เม็ดสามเวลาก่อนอาหาร จึงจะแก้อาการอักเสบของกระเพาะและลำไส้ได้
                ปรากฏว่าอาการของเด็กชายตุ้ยดีขึ้นเรื่อย ๆ และหายสนิทภายในสองวัน
                เนื่องจากอาการดีขึ้นค่อนข้างช้า จึงต้องใช้แป้งกล้วยเสริมเพื่อให้หยุดถ่าย
                แป้งกล้วยทำจากกล้วยดิบมีรสฝาด   ทำให้การเคลื่อนไหวของลำไส้ช้าลง
                วิธีทำแป้งกล้วยสามารถทำได้ดังนี้ เอากล้วยดิบมาปอกเปลือกออก ล้างให้สะอาด ตากหรืออบให้แห้งแล้วนำมาบดเป็นผง ให้กินมื้อละ 1 ช้อนชา จะช่วยให้หยุดถ่ายได้
                แต่เนื่องจากแป้งกล้วยมีสารฝาดหรือแทนนินมากลำไส้จะหยุดเคลื่อนไหวในทันทีโดยเฉพาะเด็กเล็ก ทำให้ท้องอืด เราจึงต้องแก้ด้วยการใช้สารบางอย่างเข้าไปดูดเอาลมในท้องออกเสียบ้าง เช่นให้กินโซดามินท์ จะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายขึ้น
                หากผู้ป่วยเพลียอาจให้น้ำเกลือแร่เสริมได้
 
ไข้ ท้องเสียจากอาหารเป็นพิษ
                คุณทวีชัยอายุ 38 ปี ไปกินอาหารทะเลกับเพื่อนมาเมื่อตอนเย็น ตึกวันนั้นคุณทวีชัยอาเจียนสองสามครั้งแล้ว ถ่ายเหลว มีไข้ ปวดศีรษะและมีอาการหนาวสั่น
                เมื่อตรวจร่างกายพบว่า ไข้ 37.5° ซ. หน้าท้องไม่แข็งแกร่ง คลำได้น้ำกับลมเป็นช่วงในช่องท้อง มีเสียงท้องเคลื่อนไหวมากกว่าปกติดังโครกคราก
                ให้การวินิจฉัยว่า อาหารเป็นพิษ
                อาหารทะเลที่กินเข้าไปอาจมีสารพิษของแบคทีเรียตกค้างอยู่ เมื่อกินเข้าไปจึงเกิดอาการระคายเคืองในทางเดินอาหาร อาเจียน ท้องเสียและมีไข้
                รักษาด้วยฟ้าทะลายโจร 2 เม็ด สามเวลาก่อนอาหาร
                ปรากฏว่าอาการไข้ลดลงภายในหนึ่งวัน อาการท้องเสียค่อย ๆ ดีขึ้นและหยุดถ่ายในที่สุด
                ทั้งนี้เพราะฟ้าทะลายโจรเข้าไปดูดซับเอาสารพิษในลำไส้ให้หมดไป ลดการระคายเคืองต่อผนังลำไส้      การเคลื่อนไหวของลำไส้ที่มากกว่าปกติจึงลดลง ทำให้การขับถ่ายเข้าสู่ภาวะปกติ นอกจากนี้ฟ้าทะลายโจรยังมีฤทธิ์ช่วยเสริมการทำงานของต่อมน้ำเหลืองในผนังลำไส้ให้จัดการกับสิ่งแปลกปลอมเช่นแบคทีเรียหรือสารพิษให้หมดไป ฉะนั้นการทำให้อาการไข้ลดลงด้วย
                เนื่องจากฟ้าทะลายโจรไม่ใช่ยาหยุดอาการท้องเสียโดยตรง ดังนั้นผู้ป่วยจะยังคงถ่ายเหลวต่อไปหลังจากให้ยา หากต้องการให้หยุดถ่ายเร็วขึ้นควรให้สารที่มีรสฝาดร่วมด้วย เช่น ใบฝรั่ง น้ำชา หรือแป้งกล้วย เป็นต้น
                การใช้ใบฝรั่งในกรณีที่ต้องการให้หยุดถ่ายสามารถทำได้ดังนี้ หากในบ้านมีต้นฝรั่งอยู่แล้ว ให้เด็ดเอายอดมา 2-3 ยอด ล้างให้สะอด เคี้ยวกลืนลงไป
 
ไข้ไทฟอยด์
                คุณวันเพ็ญอายุ 25 ปี มีไข้มา 6-7 วัน ไข้สูงทุกวัน บางครั้งไข้ลดบ้างแต่ก็ยังคงสูง เบื่ออาหาร กินไม่ได้ และไม่ถ่ายอุจจาระเลยตั้งแต่ป่วย ไม่ได้เป็นหวัด ไม่ได้บ่นปวดท้อง เพียงแต่ปวดศีรษะจากอาการไข้ เพลียและซึมต้องนอนซม ตอนแรกคุณวันเพ็ญไปหาหมอที่คลินิก หมอว่าเป็นไข้หวัดให้ยามากินและให้นอนพักแต่อาการไม่ทุเลา
                ตรวจร่างกายพบว่ามีไข้สูง 39 - 40° ซ. ชีพจร 90 ครั้งต่อนาที – ซึ่งค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับลักษณะไข้  ตาลอยและซึม
                ให้การวินิจฉัยว่า ไข้ไทฟอยด์
                ตอนแรกเมื่อคุณวันเพ็ญมาหาผู้เขียนได้ให้ไปโรงพยาบาล หมอที่โรงพยาบาลไม่ได้เจาะเลือดและไม่ยอมรับตัวไว้คงให้ยาลดไข้มากิน คุณวันเพ็ญจึงกลับมาอีกครั้ง ผู้เขียนเปิดตำราของอินเดียดูก็พบว่ามีรายงานการใช้        ฟ้าทะลายโจรรักษาไข้ไทฟอยด์ได้ผล จึงเริ่มให้ฟ้าทะลายโจร 2 เม็ดสามเวลาก่อนอาหาร
                ในตอนแรกคุณวันเพ็ญซึมมาก เพลียลุกไม่ขึ้น นอกจากจะให้ฟ้าทะลายโจรรักษาแล้ว ยังให้น้ำตาลให้น้ำผึ้ง เวลาให้ยาทุกครั้งให้ดื่มน้ำผึ้งตาม ให้กินน้ำเกลือแร่ วิตามินซี แคลเซียม นอกจากนี้ยังให้ยาบำรุงประเภท    บีพอลเลนและโรเยลลี่ร่วมด้วยเพื่อเสริมกำลัง
                เวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ หลังจากเป็นไข้มาสิบสามสิบสี่วัน อาการของคุณวันเพ็ญก็กระเตื้องขึ้น เริ่มถ่ายอุจจาระและเริ่มกินข้าวได้
                ทั้งนี้เพราะฟ้าทะลายโจรทำลายเชื้อไทฟอยด์ที่ฝังตัวอยู่ในเนื้อเยื่อของต่อมน้ำเหลืองในผนังลำไส้เล็ก ลำไส้ที่เป็นอัมพาตอยู่เดิมก็เริ่มทำงาน ฟ้าทะลายโจรยังเสริมกำลังตับ ทำให้ตับสร้างน้ำดีหลั่งออกสู่ลำไส้เล็ก การย่อยอาหารจึงดีขึ้น ผู้ป่วยเริ่มกินได้ กลับมีภูมิต้านทานและค่อย ๆ ฟื้นตัว
                ในรายของไข้ไฟทอยด์ต้องรักษากันอยู่นานถึงสามสัปดาห์ หลังจากนั้นควรกินยาบำรุงประเภทบีพอลเลนและโรเยลเยลลี่ต่อไปเพื่อให้ผู้ป่วยฟื้นกำลัง
                ปัจจุบันคุณวันเพ็ญหายขาดจากโรคและแข็งแรงเช่นเดิม
 
โรคตับ
                คุณยาใจอายุ 36 ปี เป็นไข้มาประมาณ 4 5 วัน คัดจมูกเล็กน้อย ปวดศีรษะและอ่อนเพลีย ไปหาหมอแล้ว หมอบอกว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา กินยาลดไข้นอนพักก็หาย แต่คุณยาใจยังคงเบื่ออาหารและอ่อนเพลียมากจนลุกไม่ขึ้น ต้องนอนอยู่กับบ้านไม่ได้ไปทำงาน
                วันหนึ่งเพื่อนมาเยี่ยมแล้วทักว่าคุณยาใจหน้าเหลือง
                คุณยาใจส่องกระจกดูหน้าตัวเองก็เห็นจริง หน้าเธอเหลือง แถมตาขาวยังกลายเป็นสีเหลืองอีกด้วย      เธอเพิ่งสังเกตว่าปัสสาวะและอุจจาระของเธอมีสีเหลืองจัดกว่าแต่ก่อน
                ตรวจร่างกายพบว่าคุณยาใจมีไข้ต่ำ 37.4° ซ. มีอาการตัวเหลืองตาเหลืองเล็กน้อย คลำท้องแล้วตับไม่โต แต่เจ็บแน่นบริเวณชายโครงข้างขวา
                ให้การวินิจฉัยว่า เป็นโรคตับอักเสบ
                คุณยาใจได้รับการรักษาด้วยฟ้าทะลายโจร 2 เม็ด สามเวลาก่อนอาหาร
                หลังจากรักษาไปหนึ่งสัปดาห์ ปรากฏว่าอาการไข้หายไป อาการเหลืองลดลง คุณยาใจก็บอกเองว่าปัสสาวะที่มีสีเหลืองนั้นจางลงเรื่อย ๆ เมื่อคลำท้องดูอีกครั้งปรากฏว่าบริเวณตับที่เคยเจ็บกลับหายเจ็บ แต่คุณยาใจยังคงเบื่ออาหาร กินไม่ได้และอ่อนเพลีย
                จึงเพิ่มยาฟ้าทะลายโจรเป็นครั้งละ 3 เม็ด กินสามเวลาก่อนอาหารดังเดิม หลังจากนั้นปรากฏว่าคุณยาใจเริ่มกินข้าวได้และหายอ่อนเพลีย
                สำหรับโรคตับที่เป็นเรื้อรังหรือเกิดจากพิษสุราเรื้อรัง ผู้ป่วยอาจจะผอมแห้ง อ่อนเพลียและมีตับโตบางรายคลำได้มากกว่าสามนิ้วมือ ห้อยต่ำลงมาจากชายโครงขวา อาจใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาได้เช่นกัน แต่ต้องงดเหล้าอย่างเด็ดขาด การรักษานอกจากจะให้ฟ้าทะลายโจรแล้ว ควรให้ยาบำรุงพวกบีพอลเลนและโรเยลเยลลี่เพื่อเสริมสมรรถภาพของร่างกาย อาการอ่อนเพลียจะดีขึ้น
งูสวัด
                คุณจินตนาอายุ 23 ปี มีตุ่มใส ๆ ขึ้นที่กลางหลังพาดมาทางสีข้างด้านขวา พร้อม ๆ กับที่ตุ่มขึ้นคุณจินตนารู้สึกปวดเมื่อเนื้อตัวมากจนแทบจะจับไข้ ญาติกันว่าเป็นงูสวัดไม่ต้องรักษาก็ได้มันจะหายเอง ญาติกันว่าเป็นงูสวัดไม่ต้องรักษาก็ได้มันจะหายเอง คุณจินตนาจึงกินยาแก้ปวดประทังอาการ คนรู้จักหายาทั้งแผนโบราณและแผนปัจจุบันมาให้ทาหลายขนานแต่ตุ่มที่เป็นอยู่ก็ไม่ยุบเป็นอยู่สิบวัน คุณจินตนาเกิดทนไม่ไหวจึงมาหาผู้เขียน
                ในรายวิชานี้วินิจฉัยว่าเป็นงูสวัด 
                ผู้เขียนให้เอาเปลือกมังคุดประมาณ 10 ลูก มาล้างให้สะอาดแล้วหั่นตามขวางให้บาง นำมาบดซ้ำอีกครั้งให้ละเอียด อาจใช้เครื่องปั่นไฟฟ้าช่วยด้วยก็ได้ เสร็จแล้วหมักด้วยเหล้าโรงหรือแอลกอฮอล์ก็ได้ ใส่เหล้าให้พอท่วมตัวยา ระยะเวลาที่ใช้หมักควรนาน 3-5 วัน นานกว่านี้ไม่เป็นไร  หลังจากนั้นเอาส่วนที่เป็นน้ำมาทาตุ่ม โดยใช้ไม้พันสำลีจิ้ม
            ปรากฏว่าวันรุ่งขึ้นตุ่มพุพองที่ขึ้นเป็นสายนั้นแห้งไปแต่วันต่อมามีขึ้นมาอีก
                ผู้เขียนจึงให้คุณจินตนารับประทานฟ้าทะลายโจรควบคู่ไปด้วย โดยให้ 2 เม็ดสามเวลาก่อนเวลา หากตัวโตมากควรเพิ่มเป็นครั้งละ 3 เม็ด สามเวลาเช่นกัน
                หลังจากได้ยาฟ้าทะลายโจรแล้วปรากฏว่าอาการปวดเมื่อยเหมือนจะเป็นไข้หายไป และแผลแห้งสนิทภายใน 5-6 วัน
                แต่เนื่องจากงูสวัดเกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งและจะเป็นอยู่นาน 3 สัปดาห์ ดังนั้นควรให้ฟ้าทะลายโจรกินต่อไปให้ครบสามสัปดาห์นับตั้งแต่เริ่มเป็น ตุ่มงูสวัดจึงจะไม่กลับเป็นขึ้นมาอีก
 
แผลโรคเบาหวาน
                แผลจากโรคเบาหวานมักเป็นเรื้อรัง และมักจะเกิดกับเท้า ทั้งนี้เนื่องจากการไหลเวียนของเลือดไปตามปลายมือปลายเท้าของผู้ป่วยเป็นเบาหวานไม่ค่อยดีนัก เมื่อเกิดแผลจึงหายช้า อีกประการหนึ่งผู้ป่วยเบาหวานที่เป็นมานานส่วนใหญ่มักจะมีอาการเส้นประสาทเสื่อมด้วย เกิดอาการชา ไม่มีความรู้สึก ดังนั้นเท้าจึงบาดเจ็บได้ง่ายโดยที่ผู้ป่วยไม่ค่อยจะรู้สึกตัว
                แผลจากโรคเบาหวานมักจะอักเสบ ค่อนข้างรักษายาก
                เราสามารถใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาแผลอักเสบเนื่องจากโรคเบาหวานได้ โดยใช้ได้ทั้งกินและใช้ผงแห้งใส่แผล แต่ตามความเห็นของผู้เขียนแล้วคิดว่าการใช้ฟ้าทะลายโจรแบบกินจะได้ผลมากกว่า เพราะนอกจากตัวยาจะไปตามกระแสเลือดไปรักษาแผลแล้วฟ้าทะลายโจรน่าจะมีผลต่อตับอ่อนด้วย เพราะปรากฏว่าผู้ป่วยที่กินฟ้าทะลายโจรมีระดับน้ำตาลในเลือดลดลง เมื่อระดับน้ำตาลกลับลงสู่ภาวะใกล้เคียงกับปกติแล้วโอกาสที่แผลจะหายก็มีมากกว่า
 
ริดสีดวงทวาร
                คุณสมบูรณ์อายุ 45 ปี เป็นริดสีดวงทวารมานานหนึ่งเดือน หัวริดสีดวงโผล่ออกมาให้คลำได้ภายนอก    ทำให้เจ็บและทรมานมาก เวลาถ่ายหนักทุกครั้งจะมีเลือดสด ๆ ออกมาด้วย
                ให้การวินิจฉัยว่า เป็นริดสีดวงทวารชนิดหัวโผล่ออกมาภายนอก
                รักษาด้วยฟ้าทะลายโจรครั้งละ 3 เม็ด วันละสี่ครั้งก่อนอาหารสามมื้อและก่อนนอน ในรายนี้ต้องกินนานถึงสองสัปดาห์
                ปรากฏว่าอาการปวดค่อยทุเลาลง เวลาถ่ายเลือดไม่ออกภายในเวลา 2-3 วัน ส่วนหัวริดสีดวงค่อย ๆ      ลดขนาดลง เมื่อยาหมดปรากฏว่าแทบจะไม่มีหัวริดสีดวงโผล่ออกมาอีกเลย
                อีกรายหนึ่งคุณนิกรอายุ 19 ปี เป็นริดสีดวงทวารชนิดที่ถ่ายออกมาเป็นเลือด ปวดถ่วงทวารหนักแต่ไม่มีหัวโผล่ออกมา คุณนิกรไม่ได้รักษาเนื่องจากคิดว่าจะหายได้เอง จึงทิ้งไว้นานประมาณ 7 วัน ปรากฏว่าเลือดซึมออกมาจากทวารหนักไม่หยุด
                ให้การวินิจฉัยว่าเป็นริดสีดวงทวาร
                รักษาด้วยการให้ฟ้าทะลายโจรครั้งละ 2 เม็ดวันละสี่เวลา ก่อนอาหารสามมื้อและก่อนนอน
                ปรากฏว่าอาการเลือดออกหายไปภายในสองวัน แต่ยังมีเลือดออกบ้างเวลาถ่ายหนัก เมื่อให้กินฟ้าทะลายโจรไปจนครบเจ็ดวัน ปรากฏว่าอาการปวดถ่วงหายไปและถ่ายได้สะดวกเป็นปกติ
 
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
                ฟ้าทะลายโจรมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Andrographis paniculata (Burm) Wall.ex Nees. รู้จักกันในชื่อเรียกอื่น ๆ ตามแต่ละท้องถิ่น เช่น กรุงเทพฯ เรียก ฟ้าทะลาย น้ำลายพังพอน สงขลาเรียก หญ้ากันงู ทางพนัสนิคมเรียกฟ้าสาง เขตโพธารามเรียก เขยตายยายคลุม จังหวัดร้อยเอ็ดเรียก สามสิบดี ส่วนยะลาเรียก เมฆทะลายทางพัทลุงเรียก ฟ้าสะท้าน ชาวจีนเรียก คีบังฮี ชวงซิมน้อย เจ๊กเกี้ยงฮี   โช่งเช่า หรือ ซี้ปังกี่ 
                ฟ้าทะลายโจรเป็นพืชล้มลุก สูง 30-60 เซนติเมตร ลำต้นเป็นเหลี่ยมเห็นชัดเจน ใบติดลำต้นเป็นคู่ตรงข้ามกันในแต่ละข้อ ตัวใบรูปไข่เรียวยาว ปลายใบและโคนใบแหลม ก้านใบยาวประมาณ 0.5 เซนติเมตร ขนาดของใบกว้าง 1-3 เซนติเมตร ยาว 3-12 เซนติเมตร ดอกสีขาวขนาดเล็กประมาณ 1 เซนติเมตร ติดเป็นช่อออกทั้งที่ปลายยอดและซอกโคนก้านใบ ผลเป็นฝักแบนหนา 3-4 มิลลิเมตร ยาว 1-1.5 เซนติเมตร เมื่อฝักแก่จะแตกออกเป็นสองซีกภายในมีเมล็ดแบน ซีกละ 3-7 เมล็ด
                ส่วนที่ใช้เป็นยานั้น ใช้ได้ทุกส่วนของต้นสดหรือแห้งก็ได้
 
สรรพคุณทางยาและวิธีใช้
                ใช้แก้ไข้ ใช้ครั้งละ 1 กำมือ (แห้งหนัก 3 กรัม สดหนัก 25 กรัม) ต้มกับน้ำดื่มก่อนอาหารเช้าและเย็นหรือเวลามีอาการ
                ใช้แก้ท้องเดิน ใช้ต้นแห้งทั้งต้น หั่นเป็นชิ้นประมาณ 1-3 กำมือ (3-4 กรัม) ต้มเอาน้ำดื่ม
 
สารเคมีที่สำคัญ
                ฟ้าทะลายโจรมีสาระสำคัญที่เป็นตัวยา เป็นสารรสขมชื่อ แอนโดรกราไฟไลด์ (andrographolide) และ พานิโคไลด์ (panicolide) เถ้าของฟ้าทะลายโจรมีสารโปตัสเซียมสูง
                ปัจจุบันจีนซึ่งเป็นที่ยอมรับของทั่วโลกว่ามีความก้าวหน้าในการวิจัยสมุนไพรมากกว่าประเทศใด ๆ ได้สกัดฟ้าทะลายโจรออกมาเป็นยาเม็ดและยาฉีด ชื่อ Kang Yan Tablet. Chuanxinlian Tablet. Chuanxinlian Antiphlogistic Pill ส่วนยาฉีดชื่อ Yamdepieng, Chuanxinlian Ruangas Injection
 
การขยายพันธุ์
                ฟ้าทะลายโจรขยายพันธุ์ได้ง่ายโดยใช้เมล็ด สมุนไพรชนิดนี้ขึ้นได้ทั่วไปในดินทุกชนิด ปลูกได้ทุกฤดูกาล การปลูกควรปรับดินให้เรียบ หยอดเมล็ดลงในดินและกลบให้เรียบร้อย รดน้ำให้ชุ่ม
 
การทำยาสำเร็จรูปเพื่อใช้เอง
                ฟ้าทะลายโจรมีรสขมจัด เวลาต้มกินทั้งใบและดอก มักจะรับประทานยากนัก หากต้องการใช้สะดวกรับประทานง่ายควรบดเป็นผงบรรจุลงแคปซูล
                การทำฟ้าทะลายโจรเป็นผงเพื่อบรรจุลงแคปซูลนั้น ควรเลือกเอาแต่ใบ เนื่องจากป่นเป็นผงได้ง่าย ก้านไม่เอาเพราะแข็งและเหนียว   ระยะเวลาที่เก็บใบเพื่อทำเป็นผงควรเป็นระยะที่ต้นฟ้าทะลายโจรเจริญเต็มที่และก่อนที่มันจะออกดอกให้ผล เนื่องจากในเวลานั้นอาหารบำรุงจากต้นจะมาที่ใบทั้งหมด
                วิธีทำคือ ริดใบออกจากกิ่งแล้วนำมาผึ่งลมในที่ร่มไม่ตากแดด เพราะแสงแดดอาจจะทำลายคุณค่าทางยาของฟ้าทะลายโจรได้ ถ้าจะให้ดีให้ใช้กระจกวางทับใบจะได้ไม่งอ การผึ่งแห้งในร่มจะทำให้ใบยังคงมีสีเขียวเสวย      สีสด เวลาป่นเป็นผงจะได้ผงสีเขียวสวย
                แคปซูลที่ใช้ควรมีขนาด 250 มิลลิกรัม
                เนื่องจากฤทธิ์ที่เป็นปฏิชีวนะของฟ้าทะลายโจรไม่สูงนัก จึงต้องใช้ปริมาณมากพอสมควร โดยปกติควรใช้ครั้งละ 1-2 เม็ด สามเวลาก่อนอาหาร แต่ถ้ามีอาการมากก็อาจเพิ่มเป็นครั้งละ 3 เม็ด สามเวลา หากเป็นเด็กให้ลดขนาดของยาลง หากต้องการใช้ลดไข้โดยเฉพาะอาจให้เมื่อมีอาการได้
                การที่ต้องรับประทานยาก่อนอาหารเนื่องจากต้องการให้ตัวยาในฟ้าทะลายโจรดูดซึมเข้าไปในร่างกายอย่างเต็มที่
                ระยะเวลาของการใช้ยาประมาณ 5-7 วัน โดยมากไม่ควรใช้เกิน 15 วัน
 
ข้อควรระวัง
                ฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ลดความดันเลือดได้ ดังนั้นในคนไข้ที่มีความดันเลือดต่ำ เช่น 90/60 มม.ปรอท ไม่ควรใช้ เพื่อความปลอดภัยก่อนใช้ฟ้าทะลายโจรควรวัดความดันเลือดเสียก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายที่มีอาการเวียนศีรษะ เหนื่อยง่าย หน้ามืดและเป็นลมง่าย
 
 
 
                                                                               สะเดา
 
               
ประสบการณ์จากแพทย์
ไข้หวัด 
        คุณอากรอายุ 35 ปี เป็นไข้ มีน้ำมูกเล็กน้อย เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยเนื้อตัว และปวดศีรษะมากเพราะนั่งตากลมเย็นนานเกินไป
                ตรวจร่างกายพบว่ามีไข้ 38° ซ. มีน้ำมูก คอแดงไม่มาก
                ให้การวินิจฉัยว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าไข้หัวลม เนื่องจากในขณะนั้นกำลังย่างเข้าฤดูหนาว
                การรักษาใช้ยอดสะเดาอ่อนหรือดอกลวกน้ำร้อน หรือต้มกินกับน้ำปลาหวานแกล้มกุ้งเผาหรือปลาดุก วิธีนี้ทำให้คุณอากรกินข้าวได้ อาการปวดศีรษะหนึบ ๆ ทุเลาลง อาการครั่นเนื้อครั่นตัวปวดเมื่อยหายไป เมื่อให้กินยอดสะเดาจิ้มน้ำปลาหวานอยู่สามวันอาการไข้ที่เป็นอยู่หายขด ไม่ปวดศีรษะหรือปวดเมื่อยเนื้อตัว อาการกลับเป็นปกติดังเดิม
 
ไข้มาเลเรีย
                ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ผู้เขียนเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลบางรัก ครั้งนั้นมีการเตรียมการเพื่อย้ายเมืองหลวงไปอยู่จังหวัดเพชรบูรณ์ โรงพยาบาลบางรักถูกย้ายไปก่อนหน่วยงานอื่น
                จังหวัดเพชรบูรณ์ขณะนั้นเป็นแดนมาเลเรีย ผู้ป่วยในโรงพยาบาลจะมีอาการของมาเลเรียแทรกซ้อนมากบ้างน้อยบ้างทุกรายไป อาการไข้สูง หนาวสั่นเป็นเรื่องปกติธรรมดาบางรายอาการรุนแรงมากถึงกับขึ้นสมอง         ลงกระเพาะ ท้องเสีย เยี่ยวดำ ก็มี
                ยารักษามาเลเรียในตอนนั้นคือควินินแต่ไม่นานควินินที่มีอยู่ก็หมด ควินินเป็นยามาจากต่างประเทศ     เมื่อควินินหมด ผู้เขียนไม่รู้จะใช้อะไรรักษามาเลเรียที่เป็นกันชุกชุม
                สังเกตเห็นว่าแถบนั้นมีสะเดาปลูกกันทุกบ้าน ชาวบ้านยังเล่าว่าใช้สะเดาแก้ไข้ได้ ผู้เขียนจึงให้เก็บใบสะเดากำหนึ่งมาต้ม ใช้น้ำต้มสะเดารักษามาเลเรีย
                ปรากฏว่าอาการไข้ลดลง แต่พอหยุดยา ไข้กลับขึ้นมาอีก
                ทั้งนี้เป็นเพราะตัวยาในสะเดาเจือจาง การต้มมาใช้เป็นยาต้องใช้ทีละมาก ๆ ให้ทำดังนี้ เอาสะเดามาหนึ่งกอบใส่ลงไปต้ม เสร็จแล้วเอาใบที่ต้มแล้วทิ้งไป ใส่ใบใหม่ลงต้มในน้ำเดิม จนกระทั่งได้น้ำขุ่น ต่อไปเคี่ยวจนงวดจากสามส่วนให้เหลือเพียงหนึ่งส่วน
                ให้ผู้ป่วยกินครั้งละหนึ่งชามโคม สะเดามีรสขมหวานพอดื่มได้ หากได้ดื่มตอนกำลังอุ่นจะกินง่ายกว่า    เด็กบางคนก็กินได้ กินยาแล้วให้นอนห่มผ้าคลุมทั้งตัว สักพักใหญ่เหงื่อจะออก อาการไข้สั่นทุเลาลงรู้สึกสบายขึ้น
                ให้กินต่อไปวันละสามครั้ง 3-4 วัน อาการที่เป็นอยู่จะหายขาด ผู้ป่วยที่ต้องนอนโรงพยาบาลก็กลับบ้านได้
                สะเดาสามารถรักษามาเลเรียที่มีอาการไม่รุนแรงให้หายขาดได้ หากเป็นพวกจับวันเว้นวันหรือเกิดจากเชื้อมาเลเรียไวแวกซ์   อาการจะหายเป็นปลิดทิ้ง แต่ถ้าผู้ป่วยเป็นมาเลเรียจากเชื้อฟัลซิปารัมมักมีอาการแทรกซ้อน   หากไม่ถึงกับมีอาการของมาเลเรียขึ้นสมอง ยังสามารถใช้สะเดารักษาได้
                ผู้เขียนใช้สะเดากับผู้ป่วยหลายราย พบข้อดีของสะเดาอย่างหนึ่งคือสะเดาไม่มีอาการแทรกซ้อน ถึงให้กินมากเท่าไรก็ไม่เกิดอาการวิงเวียนหรือหูอื้อเช่นการกินยาควินิน
บิด
                เด็กชายอำพลอายุ 7 ปี มีไข้แล้วท้องเสียกะปริบกะปรอยวันละสิบกว่าครั้ง ถ่ายออกมาเป็นมูกเลือด อุจจาระมีกลิ่นเหม็นเน่า และมีอาการปวดท้องเป็นพัก ๆ
                ตรวจร่างกายพบว่ามีไข้ 38° ซ. ท้องอืด อุจจาระมีมูกและเลือดปน
                ให้การวินิจฉัยว่าเป็นบิด
                รักษาโดยการให้เอาเปลือกสะเดามาต้ม เคี่ยวน้ำจากสามส่วนเหลือหนึ่งส่วน กินครั้งละหนึ่งชามวันละสามครั้ง
                ปรากฏว่าอาการดีขึ้น ไข้ลด ไม่ปวดท้องและถ่ายลดจำนวนครั้งลง สามวันต่อมาอาการที่เป็นอยู่หายไปหมด
 
 
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
                สะเดามีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Azadirachta indica A. Juss. Var. siamensis Valeton. รู้จักกันในชื่อเรียกอื่น ๆ ตามแต่ละท้องถิ่น เช่น ทางภาคใต้เรียก เดา กะเดา นครพนมเรียก กาเดา ทางภาคเหนือเรียก สะเลียม ภาษาส่วยเรียก จะตัง ส่วนที่เขมรเรียก สะเก
                สะเดาเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง เปลือกเป็นร่องน้อย ๆ ใบเล็กยาว ริมใบเป็นจักเล็ก ๆ รอบใบ ดอกออกเป็นช่อสีเขียวเหลือง ผลกลมโตขนาดเท่าผลองุ่น มีรสขมจัดมาก
                ส่วนที่ใช้เป็นยานั้นใช้ได้ทั้งใบ ก้านใบ ดอก ผลสะเดา เปลือก กระพี้ ตลอดจนแก่นสะเดาก็เป็นยา
 
สรรพคุณทางยาและวิธีใช้
                ใบสะเดา : รสขมฝาดเย็น บำรุงธาตุไฟ ทำให้อุจจาระละเอียด แก้อาเจียน แก้สะอึก แก้พิษฝีแก้ไข แก้ดีพิการ   แก้พยาธิ   โรคในคอ บำรุงโลหิตและน้ำดี
                ก้านใบ ลดไข้และดับพิษ
                ดอก แก้พิษโลหิตกำเดา แก้ริดสีดวงในคอ บำรุงธาตุ
                ลูกสะเดาอ่อน : รสขมปร่า แก้ลมหทัยวาต และสันตะวาต ทำให้เจริญอาหาร
                เปลือก : รสขมฝาดเย็น แก้ในกองเสมหะ แก้บิด แก้กระษัย
                กระพี้ : รสขมเย็นฝาดเล็กน้อย แก้น้ำดีพิการ แก้อาการเพ้อคลั่ง
                แก่น : ลดไข้ ดับพิษทั้งปวง แก้คลื่นไส้อาเจียน แก้ลม
 
สารเคมีที่สำคัญ
                สะเดามีสาระสำคัญที่เป็นตัวยา เป็นสารรสขม ในเปลือกต้นมีสารนิมบิน (Nimbin) เดซาสิทิลนิมบิน (desacetylnimbin) ในใบมีเควอซิติน (Quercetin) ในเมล็ดมีอซาดิแรคติน (Azadirachtin) และสารจำพวกควิโนน (Quinone)
 
 
การขยายพันธุ์
                สะเดาขยายพันธุ์ได้โดยใช้หน่ออ่อน
 
 
                                    ลูกใต้ใบ
 
                     
ประสบการณ์จากแพทย์
ไข้ทับระดู
        คุณผ่องใสอายุ 41 ปี มีอาการตะครั่นตะครอ ปวดเมื่อยตามเนื้อตัวและปวดศีรษะทุกครั้งขณะมีประจำเดือน ต่อมาถึงกับมีไข้และปวดท้องน้อยด้วย จึงไปทำงานไม่ได้
                ตรวจร่างกายพบว่ามีไข้ต่ำ ๆ37.3° ซ. ท้องอืด
                ให้การวินิจฉัยว่าเป็นไข้ทับระดู
                รักษาด้วยลูกใต้ใบ โดยเอาลูกใต้ใบทั้งต้นรวมราก โคนใบและลูกมา 1 กำมือ ล้างให้สะอาดมัดด้วยตอกสามเปลาะห่างกันพอสมควร ใส่หม้อใส่น้ำพอท่วม ต้มให้เดือดนาน 10 นาที แล้วยกลงรินน้ำยาให้ดื่มตอนร้อน ๆ เพราะรสขมจัด ยาที่มีรสขมควรดื่มขณะร้อนเพราะจะทำให้กินได้ง่ายกว่า สำหรับลูกใต้ใบให้กินครั้งละหนึ่งถ้วยสามเวลา วันหนึ่งให้แก้ตอกออกเปลาะหนึ่ง ยามัดเก่าใช้ต้มกินดังที่กล่าวมาวันละสามเวลา กินสามเวลาติดต่อกัน    แก้ตอกออกทีละเปลาะเมื่อดื่มยาแต่ละครั้ง
                ผลการรักษาปรากฏว่า ไข้ต่ำ ๆ ที่คุณผ่องใสเป็นอยู่ลดลง อาการปวดเมื่อยลดลง ไม่ปวดท้อง เริ่มกินข้าวได้สบายขึ้นเรื่อย ๆ จนเป็นปกติ
                หากสามวันอาการยังไม่หายสนิท  ให้เก็บลูกใต้ใบมาอีกหนึ่งกำมือแล้วต้มอย่างเดียวกัน กินวันละครั้งไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหายขาด
 
ไข้หวัด
                คุณคำนึงอายุ 26 ปี เป็นไข้มาสามวัน มีอาการหวัดน้ำมูกไหลจนหยด ไม่เจ็บคอ คุณคำนึงไปซื้อยาชุดตามร้านขายยามากินแล้วปรากฏว่าแสบกระเพาะและมีอาการอาเจียน คุณคำนึงจึงปฏิเสธไม่ยอมใช้ยาแผนปัจจุบัน
                เมื่อตรวจร่างกาย พบว่าคุณคำนึงมีไข้ 38.5°ซ. มีคอแดงเล็กน้อย
                ให้การวินิจฉัยว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา
                รักษาด้วยลูกใต้ใบ หนึ่งกำมือ เอาตอกมัดสามเปลาะใส่น้ำพอท่วมต้น เดือด 10 นาที แล้วรินยาออกมาหนึ่งถ้วยให้กิน ที่เหลือต้มต่อไปให้กินในวันรุ่งขึ้นอีกสองวันกินครั้งหนึ่งให้แก้ตอกออกเปลาะหนึ่งแล้วให้นอนพัก
                ปรากฏว่าอาการไข้ลดลง น้ำมูกน้อยลงบ้าง เมื่อกินครบสามครั้ง ปรากฏว่าอาการไข้หายไป ยังคงมีอาการหวัดคัดจมูกอยู่เล็กน้อย คุณคำนึงสามารถไปทำงานได้ตามปกติ
 
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
                ลูกใต้ใบมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Phyllandthus urinaria Linnl. รู้จักกันในชื่ออื่น ๆ ตามแต่ละท้องถิ่นเช่นที่นครสวรรค์ อ่างทอง ชุมพรเรียก หญ้าใต้ใบ สุราษฎร์ธานีเรียก หญ้าใต้ใบขาว ชลบุรีเรียก ไฟเดือนห้า ทางภาคเหนือเรียก มะขามป้อมดิน เลยเรียก หมากไข่หลังประเทศจีนเรียก จูเกี๋ยเช่า
                ลูกใต้ใบเป็นพืชล้มลุกมีอายุเพียงปีเดียว ลำต้นตั้งตรงสูง 50-80 เซนติเมตร ตามส่วนข้อของต้นมักมีสีชมพู ใบรูปคล้ายไข่ ขอบใบเกือบขนานกัน โคนใบมน ปลายใบแหลมหรือปลายใบมนหลังมีติ่งแหลม ด้านบนของใบสีเขียวเข้มด้านใต้ใบสีอ่อนกว่า ก้านใบสั้นมาก ดอกออกตามซอกโคนก้านใบ มีทั้งดอกตัวผู้และตัวเมีย ขนาดของดอกเล็กมากมีสีเหลืองซีดหรืออมเขียว ผลรูปเดือยกลม ขนาดประมาณ 3 มิลลิเมตร ผิวนอกขรุขระคล้ายตุ่มหนาม ก้านผลสั้นมากประมาณ 1 มิลลิเมตร
                ส่วนที่ใช้เป็นยาได้นั้นใช้ทั้งต้นสดหรือแห้ง
 
สรรพคุณทางยาและวิธีใช้
                แก้ไข : ใช้ครั้งละ 1 กำมือ (แห้ง 3 กรัม สด 25 กรัม) ต้มกับน้ำ ดื่มก่อนอาหารเช้าและเย็นหรือเวลามีอาการ
 
การขยายพันธุ์
                ลูกใต้ใบใช้เมล็ดในการขยายพันธุ์ ขึ้นได้ในดินทุกชนิด และเจริญเติบโตได้ดีในฤดูฝน การปลูกป่าใต้ใบนั้นมักไม่มีการปลูกกินแต่อย่างใด เพราะลูกใต้ใบเป็นพืชล้มลุกที่พบได้ทั่วไปในที่โล่งแจ้งหรือตามร่มเงา และจะพบมากในฤดูฝน
 
ข้อสังเกต
                สำหรับลูกใต้ใบกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้รับรองแล้วว่ามีผลรักษาใช้ได้แน่นอน
 
 
                                  บอระเพ็ด
 
           
ประสบการณ์จากแพทย์
ไข้หวัด
        คุณสงวนอายุ 32 ปี เป็นไข้หวัด มีอาการระคายคอในวันต่อมาไข้สูงและเจ็บคอมากขึ้น เริ่มมีอาการไอและมีเสมหะ ในคอสีขาว ปวดเมื่อยเนื้อตัวมาก
                ตรวจร่างกายพบว่ามีไข้ 38.7°ซ. เยื่อจมูกบวม คออักเสบแดง ทอนซิลเริ่มโตขึ้นเล็กน้อย
                ให้การวินิจฉัยว่า เป็นไข้หวัดคออักเสบ
                รักษาด้วยการกินบอระเพ็ด 2 แคปซูล เวลามีอาการไข้แล้วให้นอนพัก ส่วนอาการเจ็บคอให้เอาบอระเพ็ดยาวประมาณ 1 องคุลี (หรือ 1 ข้อนิ้วมือ) แล้วกลืนลงไปทั้งน้ำทั้งกาก
                ปรากฏว่าอาการไข้ลดลง แต่อาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัวยังคงมีอยู่ เนื่องจากบอระเพ็ดมีฤทธิ์ลดไข้เท่านั้นไม่สามารถลดอาการปวดได้ ส่วนอาการเจ็บคอค่อยทุเลาลง อาการไอและเสมหะน้อยลงภายในวันรุ่งขึ้น
                คุณสงวนกินบอระเพ็ดแคปซูลต่อไปจนครบเจ็ดวันก็หายเป็นปกติ
 
ป้องกันไข้มาเลเรีย
                บอระเพ็ดเป็นยาที่พระธุดงค์ใช้มานาน หลายรูปมีเถาบอระเพ็ดติดย่ามไว้เสมอ ทุกวันท่านจะเอาออกมาเคี้ยวกินวันละครั้ง ใช้บอระเพ็ดครั้งละ 2-3 องคุลี ปรากฏว่าเวลาที่ท่านธุดงค์ในป่านั้นจะไม่เป็นไข้มาเลเรีย กระทั่งไข้หวัด ไข้อักเสบธรรมดาก็พลอยไม่เกิดกับตัวของท่านด้วย บอระเพ็ดยังมีประโยชน์อื่นอีก เวลากระหายน้ำสามารถเอาออกมาอมให้ชุ่มคอดับกระหายได้
                ส่วนยาป้องกันโรคอย่างอื่นที่พระธุดงค์ใช้กัน เช่น พริกไทย พริกไทยสามารถใช้ป้องกันโรคได้เกือบทุกชนิด โดยมีวิธีกินดังนี้ ให้เริ่มต้นกินในวันจันทร์ 1 เม็ด เคี้ยวแล้วกลืนวันอังคารเพิ่มเป็น 2 เม็ด วันพุธ 3 เม็ด วันพฤหัสบดี 4 เม็ด เพิ่มวันละหนึ่งเม็ดเรื่อยไป จนถึงวันอาทิตย์ก็กิน 7 เม็ด ครั้นถึงวันจันทร์อีกรอบให้กิน 1 เม็ดตามเดิมวนเวียนไปอย่างนี้ หากกินได้จะแข็งแรงไม่เจ็บป่วยง่าย ระบบย่อยอาหารไม่ติดขัด ร่างกายกระปรี้กระเปร่าขึ้น
                ยาป้องกันโรคอย่างอื่นก็มีขิง ให้ใช้เคี้ยวกินวันละเล็กละน้อยทุกวันไป ว่ากันว่าจะแข็งแรงไม่เจ็บป่วยง่ายเช่นเดียวกัน
 
บอระเพ็ดเป็นยาอายุวัฒนะ
                บอระเพ็ดยังเป็นยาอายุวัฒนะ หากกินได้ดังวิธีที่จะกล่าวต่อไปข้างใต้นี้จะมีสุขภาพแข็งแรง ไม่เป็นไข้ง่าย โรคร้ายต่าง ๆ จะไม่เกิดกับตัว แข็งแรงกระปรี้กระเปร่า กระฉับกระเฉง เดินได้ไวกว่าเดิม ว่ากันว่าคนกินบอระเพ็ดจะสามารถมีอายุยืนถึงหนึ่งร้อยปีทีเดียว
                มีวิธีกินดังนี้ ให้ตัดเถาบอระเพ็ดเป็นสองสาย
                สายหนึ่งยาวเท่ากับรอบศีรษะของคนที่จะกิน อีกสายหนึ่งยาวเท่ากับความสูงของคนกินวัดตั้งแต่ยอดศีรษะลงไปหาเท้า
                ตอนเช้าให้กินสายสั้น เคี้ยวแล้วกลืนให้หมดทั้งน้ำทั้งกาก พอถึงมื้อเย็นให้กินสายยาวจนหมด กินอย่างนี้ครั้งเดียวจะได้ผลไปตลอดชีวิต
                ว่ากันว่าคนที่กินบอระเพ็ดได้ขนาดนี้เลือดจะขม ยุงจะไม่ยอมกัด จึงไม่ป่วยด้วยโรคไข้มาเลเรีย เชื้อโรคอื่นๆ ก็น่าจะอยู่ไม่ได้เช่นกัน จึงมีสุขภาพแข็งแรงและมีอายุยืน
 
เบาหวาน
                คุณอรุณีอายุ 51 ปี เป็นเบาหวานมาหลายปี ใช้ยาแผนปัจจุบันแล้วไม่สามารถควบคุมเบาหวานได้ ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ระหว่าง 200-300 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ คุณอรุณีมีอาการเวียนศีรษะและอ่อนเพลียอยู่เป็นประจำจึงเบื่อหันมาหาวิธีรักษาตัวแบบแผนโบราณ
                ผู้เขียนจึงให้ทำบอระเพ็ดแคปซูลกินครั้งละ 2 เม็ด วันละสามครั้งเรื่อยไป
                ปรากฏว่าอาการอ่อนเพลียเวียนศีรษะที่เป็นมาโดยตลอดหายไป เมื่อกรวดน้ำตาลในปัสสาวะด้วยตนเองที่บ้าน ปรากฏว่าจากที่เคยมีน้ำตาลในปัสสาวะ 4+ กลายเป็นไม่มีน้ำตาลในปัสสาวะ
                สำหรับคนที่ทนขมได้เก่ง ๆ อาจจะไม่จำเป็นต้องเอาบอระเพ็ดใส่แคปซูลก็ได้ ใช้บอระเพ็ดบดเป็นผงกินครั้งละหนึ่งช้อนชา วันละสามเวลาก็ได้เช่นกัน
 
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
                เนื่องจากในประเทศไทยมีบอระเพ็ดหลายพันธุ์ และมีชื่อเรียกในภาษาวิทยาศาสตร์หลายชื่อ ที่เราเรียกว่บอระเพ็ดโดยทั่ว ๆ ไปนั้นได้แก่ Tinospora tuberculata, Beumee., Tinospora rumphil, Boerl., Tinospora crispa, Diels., และ Tinospora nudifora, Kurz. และรู้จักกันในชื่ออื่น ๆ ตามแต่ละท้องถิ่น เช่น ทางภาคเหนือเรียก จุ้งจาลิง ที่หนองคายเรียก เจตมูลหนาม ที่อุบลราชธานีเรียก หางหนู และสระบุรีเรียก เถาหัวด้วน
                บอระเพ็ดเป็นไม้เลื้อยเนื้ออ่อน แต่ถ้ามีอายุมากเนื้อของลำต้นอาจแข็งได้ ลำต้นเป็นเถาขนาดเท่านิ้วมือ    มีไส้เป็นเส้นยาว ตามเปลือกลำต้นมีปุ่มปมกระจายทั่วไปเป็นจำนวนมาก ยางมีรสขมจัด ใบเดียวติดเป็นแบบสลับ รูปไข่ป้อม โคนใบเป็นรูปหัวใจ ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ ขนาดกว้าง 3.5-10 เซนติเมตร ยาว 6-13 เซนติเมตร ดอกเป็นช่อยาว 7-25 เซนติเมตร ดอกเล็กมากมีสีเหลืองอมเขียว ผลรูปไข่สีเหลืองหรือสีส้มขนาด 2-3 เซนติเมตร
                ส่วนที่ใช้เป็นยาคือเถาหรือลำต้นสด
 
สรรพคุณทางยาและวิธีใช้
                แก้ไข้ : ใช้ครั้งละ 1/4 คืบ (30-40 กรัม) ตำคั้นเอาน้ำดื่มหรือต้มกับน้ำ ดื่มก่อนอาหารวันละ 2 ครั้ง เช้าเย็น หรือเวลามีอาการ
 
การขยายพันธ์
                การขยายพันธุ์บอระเพ็ดนั้นใช้เถาปักชำ จะขึ้นได้ในดินทั่วไป แต่ชอบดินร่วนซุย ควรปลูกในฤดูฝน การปลูกบอระเพ็ดนั้นให้ตัดเถายาวประมาณ 1 คืบ ชำลงในดินให้เอียงเล็กน้อยลึกประมาณ 10 เซนติเมตร รดน้ำให้ชุ่ม เมื่อแตกใบและรากมากพอควร จึงย้ายไปปลูกโดยมีค้างสำหรับให้ต้นบอระเพ็ดเลื้อย
 
สะดวกใช้
                เนื่องจากบอระเพ็ดมีรสขมขื่นมากและกินยาก เราสามารถนำมาดัดแปลงทำให้กินง่ายลงดังนี้ เอาเถาบอระเพ็ดมาตากแห้งแล้วบดให้ละเอียดเป็นผง บรรจุลงในแคปซูลขนาด 250 มิลลิกรัม ใช้กินมื้อละ 2 แคปซูลจะสะดวกกว่าการเคี้ยวแล้วกลืนแบบโบราณ






Copyright © 2010 All Rights Reserved.

เอ็กซ์ฟากรุ๊ป
โทร. 02-5384438 085-6898413 Fax. 02-5304938