ReadyPlanet.com
dot
dot
สมุนไพรยุคใหม่
dot
bulletผลวิจัยสมุนไพรยุคใหม่
bulletผลวิจัยสมุนไพรต้านมะเร็ง
dot
ภาพสมุนไพรและสรรพคุณ
dot
bulletภาพสมุนไพร และสรรพคุณ จำนวน 712 ชนิด ( ชมภาพขนาด 500 X 375 Px)
dot
ประสบการณ์ ผู้ใช้สมุนไพร
dot
bulletประสบการณ์ที่ 1
bulletประสบการณ์ที่ 2
bulletประสบการณ์ที่ 3
dot
ข้อแนะนำในการใช้ยาสมุนไพรและยาแผนปัจุบัน
dot
bulletการใช้ยาสมุนไพรและยาแผนปัจจุบัน
dot
สรรพคุณสมุนไพร แก้โรคต่างๆ 42 โรค
dot
bullet แก้ไข้
bulletแก้ตกโลหิต/ห้ามเลือด
bulletแก้ตับทรุด ม้ามย้อย
bulletแก้ตานซาง
bulletท้องร่วง แก้บิด
bulletแก้นำเหลืองเสีย
bulletแก้ประดง
bulletแก้พิษเบื่อเมา
bulletแก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย
bulletแก้พิษอักเสบ
bulletแก้ริดสีดวงทวาร
bulletแก้โรคตา
bulletแก้โรคผิวหนัง
bulletแก้โรคฟัน
bulletแก้โรคหู
bulletแก้สะอึก
bulletแก้เสมหะ ( คูถเสมหะ)
bulletแก้เสมหะ (ศอเสมหะ)
bulletแก้เสมหะ (อุระเสมหะ)
bulletแก้อักเสบ ฝี หนอง มะเร็ง
bulletแก้อาเจียน
bulletแก้ไอ ขับเสมหะ
bulletแก้ไอ หรืออาเจียนเป็นโลหิต
bulletขับปัสสาวะ และนิ่ว
bulletขับพยาธิ์ลำไส้
bulletขับลมในลำไส้ (บำรุงธาตุ)
bulletขับโลหิตระดู
bulletขับเหงื่อ
bulletเจริญอาหาร
bulletทำให้ถ่ายอย่างแรง
bulletทำให้ระบายท้อง
bulletทำให้อาเจียน
bulletบำรุงครรภ์รักษา
bulletบำรุงนำดี
bulletบำรุงนำนม/ขับนำนม
bulletบำรุงประสาท
bulletบำรุงปอด
bulletบำรุงโลหิต
bulletบำรุงเส้นเอ็น
bulletบำรุงหัวใจ
bulletฟอกโลหิตระดู
bulletอายุวัฒนะ
dot
การใช้สมุนไพร ยามเจ็บป่วย
dot
bulletอาการไข้ ตัวร้อน
bulletอาการไอ
bulletกลิ่นปาก และ แผลในปาก
bulletปวดฟัน
bulletปวดเจ็บท้อง จุกแน่น หรือแสบแน่นท้อง
bulletท้องเสีย ท้องเดิน
bulletท้องผูก
bulletอาเจียน
bulletผดผื่นคัน โรคผิวหนัง
bulletแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
bulletแผลอักเสบ สิว หนอง
bulletปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดตามข้อ
dot
ยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณ
dot
bulletยาสามัญประจำบ้าน 27 ขนาน ตามประกาศกระทรวง
dot
สูตรยาสมุนไพรโบราณ รักษาโรค 200 สูตร
dot
bulletยาแก้ขัดเบา
bulletยาแก้ไข้
bulletยาแก้ไข้ทับระดู
bulletยาแก้ไข้ท้องร่วง
bulletยาแก้ไข้ระงับพิษ
bulletยาแก้ไข้หวัด
bulletยาแก้ไข้หวัดใหญ่
bulletยาแก้ไข้หืด หัด สุกใส
bulletยาแก้ความจำเสื่อม
bulletยาแก้ความดันโลหิตสูง
bulletยาแก้งูสวัด
bulletยาแก้เด็กเป็นซาง
bulletยาแก้ตกเลือด
bulletยาแก้ตับทรุด
bulletยาแก้ตาแดง ตาเจ็บ
bulletยาแก้ตานขโมย
bulletยาแก้ต่อมทอนซิลอักเสบ
bulletยาแก้ท้องขึ้น ท้องเฟ้อ
bulletยาแก้ท้องเดิน ท้องเสีย
bulletยาแก้ท้องร่วง
bulletยาแก้ท้องอืด
bulletยาแก้นิ่ว
bulletยาแก้บิด มูกเลือด
bulletยาแก้ปวดฟัน
bulletยาแก้ปัญหาทางเพศ
bulletยาแก้ปวดเมื่อย
bulletยาแก้ปวดหลัง
bulletยาแก้ปวดหู
bulletยาแก้พิษบาดทะยัก
bulletยาแก้ มดลูกอักเสบ
bulletยาแก้ระดูไม่มาตามกำหนด
bulletยาแก้ร้อนในกระหายนำ
bulletยาแก้โรคกระเพาะ
bulletยาแก้โรคกระษัย
bulletยาแก้โรคดีซ่าน
bulletยาแก้โรคตับ
bulletยาแก้โรคเบาหวาน
bulletยาแก้โรคมะเร็ง
bulletยาแก้โรคริดสีดวงจมูก
bulletยาแก้โรคริดสีดวงทวาร
bulletยาแก้โรคลมต่างๆ
bulletยาแก้โรคหนองใน
bulletยาแก้เหน็บชาและอัมพาต
bulletยาแก้อาการผิดสำแดง
bulletยาแก้ไอ
bulletยาขับปัสสาวะ
bulletยาขับและฆ่าพยาธิ
bulletยาชะลอความชรา
bulletยาดองเหล้า
bulletยาทารักษาบาดแผลสด
bulletยาทำให้ผิวพรรณสวยงาม
bulletยาบำรุงกระดูก
bulletยาบำรุงกำลัง
bulletยาบำรุงไต แก้กามตายด้าน
bulletยาบำรุงธาตุ เจริญอาหาร
bulletยาบำรุงร่างกาย
bulletยาบำรุงโลหิต
bulletยารักษาธาตุ
bulletยาลดไขมัน
bulletยาสตรีที่ประจำเดือนผิดปกติ
bulletยาสตรีปวดประจำเดือนมาก
bulletยาสตรีวัยทอง
bulletยาเสาธงเหล็ก
bulletยาหม่องนำ ดมแก้หวัด
dot
ยาอายุวัฒนะ
dot
bulletชุดที่ 1 จำนวน 12 ขนาน
bulletชุดที่ 2 จำนวน 27 ขนาน
dot
ยอดยาสมุนไพร ขนานเอก ยุค จิ๋นซีฮ่องเต้
dot
bulletสูตรไข่ดิบดองน้ำส้มสายชูหมัก
dot
ยอดตำรายาสมุนไพรไทย
dot
bulletตำรายาเหงือกปลาหมอ
bulletตำรายาหัวกวาวเครือ
dot
สมุนไพรที่น่ารู้จัก
dot
bulletเรื่องที ๑ สารสกัดจากเมล็ดองุ่น
bulletเรื่องที่ ๒ สมุนไพร โสม
bulletเรื่องที่ ๓ เห็ดหลินจือกับแพทย์แผนปัจจุบัน
bulletเรื่องที่ ๔ สารสกัดจากเปลือกต้นสนมาริไทม์
dot
สาระน่ารู้ เคล็ดลับร้อยแปด
dot
bulletข่าวจากหนังสือพิมพ
bulletอาหารที่ทำให้อายุสั้น 10 อย่าง
bulletนมกับผลร้ายเมื่อดื่ม
bulletผลร้ายของการดื่มนม – ความลับด้านหลังดวงจันทร์
bulletประสบการณ์และข้อคิด อีกมุมหนึ่งของการดื่มนม
bulletอ่านสุขภาพจากการตรวจด้วยเทคโนโลยียุคใหม่
bulletเหตุที่คนญี่ปุ่นไม่ดื่มชาเขียวแช่เย็น
bulletเผยเคล็ดลับคนดังลดน้ำหนักอย่างได้ผล
dot
Updateข่าวสมุนไพร
dot
bulletข่าวจากหนังสือพิมพ์
dot
Newsletter

dot




อ่านสุขภาพจากการตรวจด้วยเทคโนโลยียุคใหม่

 

แพทย์ทางเลือก ยุคใหม่
อ่านสุขภาพ จากการตรวจ ด้วยเทคโนโลยียุคใหม่
 
                เทคโนโลยีในการตรวจสุขภาพก้าวหน้าไปมากในทุกวันนี้ แต่ถ้าไม่มีฝีมือก็คงอ่านค่าและตีความผลการตรวจอันล้ำยุคนั้น ๆ ไม่ได้
 
                                                   
          พลอากาศตรีนายแพทย์ขวัญชัย เศรษฐนันท์ เป็นผู้หนึ่งที่มีฝีมือดังกล่าว ความสามารถของหมอก่อประโยชน์ให้คนไข้และคนทั่วไปที่ใส่ใจในสุขภาพของตนอย่างมาก
                คุณหมอจบแพทยศาสตร์จุฬาฯ ในพ.ศ.2517 เป็นหมอให้กองทัพอากาศตั้งแต่ พ.ศ.2518 และจบสูตินรีแพทยศาสตร์เมื่อปี พ.ศ.2523
                แต่การที่หมอสมัยใหม่จะหันมาสนใจแพทย์ทางเลือกอย่างจริงจังนั้นไม่ใช่เรื่องที่เกิดทั่วไป
                “ผมสนใจธรรมชาติบำบัดเมื่อ 7-8 ปีก่อน เพราะคุณพ่อเสียด้วยโรคหัวใจ ทั้ง ๆ ที่กินยาอย่างดีที่สุด ไขมันปรกติ ความดันปรกติ ทุกอย่างดีหมด แต่หัวใจวายแล้วเสียเลย
                ...ต่อมาคุณแม่ผมเป็นอัมพาต เส้นเลือดในสมองแตก ไขมันกับความดันปรกติเหมือนกัน ผมกับพี่เขยช่วยกันดูแลท่านทั้งสองมาตลอด พี่เขยผมเป็นหมอที่โรงพยาบาลตำรวจ
                ...แล้วพี่เขยผมนี่ละหัวใจวายตายตอนอายุ 49 ตายก่อนคุณแม่ผมอีก
                ...ผมเลยเริ่มไม่เชื่อในการรักษาแบบที่ทำกันอยู่
                ...ตัวผมเป็นความดันสูงมาตั้งแต่อายุ 35 รักษาไม่หาย ความดันไม่ลง ตรวจไม่รู้เป็นเพราะอะไร บอกแต่ว่าเครียดอย่างเดียว ทั้ง ๆ ที่ออกกำลังกายตลอด กินผักเยอะ
                ...ตอนที่เริ่มไม่เชื่อ ก็ยังจับทางไม่ถูกว่าจะทำอย่างไร แต่ลองทานอาหารเสริมดู รู้สึกว่าร่างกายดีขึ้น ก็คิดว่าสงสัยเราไม่ได้ขาดอาหาร แต่ขาดสารอาหาร อยากรู้จังว่าขาดอะไรบ้าง
                ...เลยเริ่มอ่านหนังสือโภชนาการ แรก ๆ ก็อ่านภาษาไทยเท่าที่มีในท้องตลาด แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบ เพราะยังไม่มีทิศทาง
                ...ตอนหลังพี่สาวผมที่สามีเป็นหมอและเสียไปแล้ว มาชวนไปฟังคุณหมออารีย์ วชิรมโน เมื่อปี พ.ศ.2544 และพ.ศ.2545 ก็รู้สึกว่าวิธีนั้นใช่
                ...อาจารย์บรรยายถึงร่างกายคนเรา แนะให้เปลี่ยนวิถีชีวิต เปลี่ยนอาหารที่กิน
                ...เช่นผมนี่ดูแลเรื่องอาหารมาตลอด ก็เข้าใจว่าเราทานอาหารห้าหมู่ก็โอ.เค.แล้ว
                ...แต่เอาเข้าจริงไม่ใช่ไขมันต้องเลือกกินไขมันที่ดี โปรตีนก็ต้องเลือกโปรตีนที่ดี คาร์โบไฮเดรตก็ต้องเลือกชนิดที่ไม่เป็นอันตรายคือคอมเพล็กซ์ คาร์โบไฮเดรต จากพืชผักผลไม้
                ...ถ้าเป็นซิมเพิล คาร์โบไฮเดรต เช่น แป้ง ข้าวขัดสี น้ำตาล จะเป็นอันตราย
                ...คือเราท่องอาหารห้าหมู่ แต่ไม่ได้ถูกสอนให้วิเคราะห์ลึกลงไปว่ามันมีทั้งที่ดีและไม่ดี
                ...เรากินโปรตีนครบ แต่โปรตีนที่กินนั้นดูดซึมหรือเปล่าไม่รู้ ดูดซึมได้ไม่หมดก็ไม่รู้ เมื่อดูดซึมไม่หมด ก็เอาไปใช้ได้ไม่ครบ
                ...เดี๋ยวนี้พอศึกษาลึกลงไป ผมต้องให้งดผลิตภัณฑ์นม นมมีโปรตีนหลายตัว ส่วนใหญ่คนย่อยได้ แต่มีตัวนึงเราย่อยไม่ได้ เลยไปกระตุ้นภูมิแพ้
                ...พออายุมากขึ้นจะเป็นภูมิแพ้ตัวเอง คือเป็นภูมิแพ้นานไป ภูมิจะหันมาทำลายตัวเอง
                ...ทั้งโลกละครับที่ย่อยไม่ได้ ฝรั่งเป็นโรคข้อกันเป็นแถวเลย ยิ่งอายุมากยิ่งข้อติดข้อเสีย เพราะภูมิต้านทานไปทำลายข้อ”
                เมื่อเรากินอาหารที่แพ้เข้าไป หรือมีสารที่ย่อยไม่ได้ตกค้างในเลือดมาก ร่างกายจะสร้างแอนตี้บอดี้มาจับสารเหล่านั้น เรียกว่าอิมมูน  คอมเพล็กซ์
                อิมมูน คอมเพล็กซ์ (แอนตี้บอดี้ที่จับสารแปลกปลอมแล้ว) ต้องใช้เม็ดเลือดขาวมากินแล้วทำลายทิ้ง
                “แต่พอร่างกายสร้างแอนตี้บอดี้มาก ๆ ภูมิต้านทานของร่างกายจะลดต่ำ เม็ดเลือดขาวที่จะมากินอิมมูน คอมเพล็กซ์เลยลดลงไป ทำให้มีอิมมูน คอมเพล็กซ์เหลือ
                ...พอเหลือก็ไปเกาะตามอวัยวะต่าง ๆ เกาะตรงไหน ก็จะดึงเม็ดเลือดขาวมาทำลายมันพลอยทำลายอวัยวะนั้นไปด้วยเรียกว่าภูมิทำลายตัวเอง
                ...ส่วนใหญ่ที่โดนหนักคือไตกับผิวหนัง บางคนเป็นมากฝ้าจะขึ้นหน้า
                ...ผมศึกษาเยอะมาก แล้วเริ่มปรับใช้กับตัวเอง เริ่มเปลี่ยนอาหาร คือกินผักมากขึ้น ทานทุกวัน และเกือบทุกมื้อ ความดันผมก็ลงเอง
                ...กินผลไม้ ลดแป้งลงเกือบหมด เกือบจะไม่กินน้ำตาลเลย ยกเว้นบางวันไปเฮฮากับเพื่อน
                ...ผักนี่กินผักสดเป็นหลัก ผักต้มกินน้อย เพราะต้องการเอนไซม์ซึ่งมีแต่ในผักสดเท่านั้น ผักที่ปรุงมาไม่มีเอนไซม์แล้ว
 
             
                ...เอนไซม์เป็นสารที่สำคัญมาก ๆ ถ้าไม่มีเอนไซม์วิตามินก็ทำงานไม่ได้
                ...ร่างกายสร้างเองได้ เท่าที่ตรวจเจอตอนนี้ มีประมาณ 3,000 ชนิด แต่เขาประมาณว่านี่ยังไม่ถึง 10%ที่ร่างกายผลิต
                ...ถึงอย่างนั้นก็มีเอนไซม์บางตัวที่เราสร้างไม่ได้ อยู่ในผักสดผลไม้
                ...พอศึกษาสักสี่ปี ผมก็มั่นใจพอที่จะไปคุยกับเพื่อนหมอด้วยกัน แต่เขาต่อต้านเพราะการเรียนแพทย์บางทีไปมุ่งเน้นที่อวัยวะนั้น ๆ นั่นคือการเรียนแพทย์ที่ลงลึกเกินไป
                ...โชคดีที่ผมเรียนสูติฯ มีข้อดีที่ต้องดูแลคนเป็นแม่ทั้งตัว ทำให้รู้สึกว่าการดูแลคนไข้จะดูเฉพาะอวัยวะเป็นส่วน ๆ ไม่ได้
                ...จริง ๆ หมอทุกคนฟังรู้ว่าการดูแลสุขภาพทั้งตัวหรือดูแลแบบองค์รวมฟังดูใช่ แต่คงต้านเพราะไม่อยากเรียนใหม่
                ...อย่างผมศึกษาแพทย์มา ก็ไม่ใช่ว่าดูหนังสือสองสามเล่มแล้วเข้าใจนะ ต้องศึกษาอยู่สี่ปีถึงจะมั่นใจพอ และอยากเอาไปใช้ในโรงพยาบาลที่ทำงาน
                ...ก็ไปคุยกับเจ้ากรมแพทย์และผู้ใหญ่ในโรงพยาบาลว่าน่าจะเปิดแผนกธรรมชาติบำบัดให้คนไข้มะเร็ง เพราะได้ผล
                ...ถ้าคนไข้ไม่มีเงิน แทนที่จะให้คีโม ให้เงินมหาศาล ก็ให้น้ำเกลือ ให้วิตามินซี เปลี่ยนอาหารซะ ทำโรงครัวอีกโรงให้เขา นั่นคือธรรมชาติบำบัด
                ...ผมไม่ได้เข้าไปเรื่องสมุนไพร เพราะไม่ได้ศึกษาทางนั้น   ต้องยอมรับว่ารู้เรื่องนั้นน้อย แต่จะเน้นเรื่องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต เปลี่ยนวิธีการกิน ออกกำลังกาย กินน้ำให้ถูกต้อง ทำสมาธิ
                ...ผมไม่ได้ศึกษาเรื่องสมาธิ รู้แต่ว่าเมื่อไรจิตคุณสงบต่อมหมวกไตจะทำงานดีขึ้น หยุดหลั่งฮอร์โมนเครียด
                ...พอไม่มีฮอร์โมนเครียด เส้นเลือดก็ขยายตัว การไหลเวียนของเลือดก็ดีขึ้น ความดันก็ลง อวัยวะต่าง ๆ ทำงานดีขึ้น เพราะได้รับเลือดไปเลี้ยงพอ
                ...คอเลสเตอรอลก็ลด พอลดปั๊บ ภูมิคุ้มกันขึ้น แล้วร่างกายจะแข็งแรง นี่คือพื้นฐาน
                ...ฉะนั้นกายกับจิตต้องสมดุล จิตต้องเป็นนาย กายต้องเป็นบ่าว ถ้าจิตคุณดี ร่างกายคุณจะทำงานดีมาก
                ...ปรากฏว่าทางผู้ใหญ่ที่ไปคุยด้วยไม่มีใครรับเลย (ยิ้ม).
                คุณหมอขวัญชัยจึงลาออกมาทำคลินิกธรรมชาติบำบัดที่บ้าน และศึกษาแนวทางนี้ต่อจนกระทั่งได้รับการทาบทามมาประจำที่ศูนย์เอชเอ็มซี บนตึก 253 อโศก
                “เริ่มจากผมไปบรรยายเรื่องมะเร็ง แล้วเจอคุณหมอจักรกฤษณ์ ภูมิสวัสดิ์ ที่ตอนนั้นเป็นผู้อำนวยการกรมการแพทย์ทางเลือก
                ...ไม่นานหมอก็เชิญผมมาลองทำพาร์ทไทม์ที่เอชเอ็มซีอยู่ 7-8 เดือน ก่อนจะทำประจำได้ปีเศษนี่เอง
                ...ที่นี่มีหลายอย่างที่ผมไม่รู้และทึ่งมาก เช่นเครื่อง MRIT (Molecular Resonance Imaging Technology) เคยเห็นเมื่อสามปีที่แล้วในการประชุมแห่งนึง บริษัทผู้ผลิตเขามาเอง ก็สงสัยว่าจะเป็นจริงอย่างที่เขาคุยหรือ ว่าเห็นอวัยวะข้างในหมดเลย
ภาพ 3 มิติของหัวใจและหลอดเลือดจากการตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง ซึ่งพบว่าหลอดเลือดโคโรนารีย์ด้านซ้ายปกติ
 
                      ..ตอนนั้นไม่ได้สนใจหมอคนอื่น ๆ ก็ไม่เชื่อ แม้ว่าทางรัสเซียเขาจะใช้เครื่องนี้ตรวจสุขภาพนักบินอวกาศก็ตาม
                ...พอมาเห็นที่เอชเอ็มซี ผมก็ลองใช้ตรวจตัวเองดู ผลตรงกับที่รู้อยู่แล้วคือความดันสูง หลอดเลือดหัวใจตีบ มีปัญหาตับอ่อนนิดหน่อย มีปัญหาระบบย่อยอาหาร
                ...หลักการคือส่งคลื่นเสียงความถี่ต่ำไปกระทบอวัยวะแล้วสะท้อนกลับมา เครื่องก็วัดค่าคลื่นนั้น
                ...แต่ละคลื่นสามารถแยกได้ว่าเป็นโรคหรือมีอาการอย่างไรบ้าง ตรวจคนไข้บ่อย ๆ วินิจฉัยบ่อย ๆ ถามเขาว่าเป็นอย่างนี้หรือเปล่า อย่างนั้นหรือเปล่า ปรากฏว่าตรงกับที่อ่านค่าออกมาหมด ก็ชักเชื่อ
                ...อย่างคนไข้หนุ่ม ๆ ตัวเลขขึ้นว่าขี้ลืม ผมก็ถามว่าขี้ลืมเหรอ เขารับว่าใช่ เป็นประเภทความจำระยะสั้นเสีย
                ...บางคนวางกุญแจปุ๊บลืมแล้วว่าวางตรงไหน บางคนบอกว่าเข้าห้างแล้วต้องเดินมาล็อกรถใหม่ทุกครั้ง
                ...แต่อาการอย่างนี้แก้ได้ด้วยการปรับวิถีชีวิต กินอาหารเสริมความจำ คือน้ำมันปลา ทำให้เซลล์สมองได้รับอาหาร ผักช่วยเรื่องนี้ได้-แต่น้อย
                ...อาการที่ผมทึ่งว่าเครื่องไม่น่าจะตรวจได้ แต่กลับตรวจรู้คือมะเร็ง หรือต่อมลูกหมากโต หรือมีก้อนเนื้อ (ซีสต์) เช่น ในรังไข่ ในมดลูก เต้านม ดูค่าปุ๊บ เป็นถุงน้ำ มีก้อน
                ...ให้คนไข้ไปทำอัลตราซาวด์พิสูจน์ ก็พบจริง ๆ เราก็แนะนำได้ถูกว่าคุณต้องปรับปรุงเรื่องดื่มน้ำ เรื่องอาหาร มีน้ำย่อยน้อย ต้องกินอาหารยังไง
                ...ซีสต์นี่เป็นเรื่องฮอร์โมน ปรับปรุงอาหารแล้วฮอร์โมนจะปรกติเอง
                ...อย่างคนที่น้ำย่อยเสียทั้งหลาย ถามไปเถอะ ดื่มนมถั่วเหลืองทุกคน เพราะถั่วเหลืองมีสารต้านน้ำย่อย ทำให้ท้องอืด
                ...น้ำย่อยเสีย คือน้ำย่อยน้อยลง เอนไซม์ที่จะย่อยอาหารจึงน้อยลง
                ...คนที่ชอบนมถั่วเหลือง ควรดื่มไม่เกินวันละกล่อง 30 กรัมหรือ 240 ซีซี (8 ออนซ์)
                ...แต่ถ้ากินนมถั่วเหลืองแล้วยังกินเต้าหู้อีก อันตรายแล้ว เพราะจะไปหยุดการสร้างน้ำย่อย แล้วมีฮอร์โมนผู้หญิงเป็นเหตุให้เกิดมะเร็งเต้านมได้ แล้วยังเป็นตัวการทำให้การทำงานของต่อมไธรอยด์ลดลง
                ...สังเกตคนที่กินมังสวิรัติ กินเต้าหู้มาก ๆ ซีดทุกคน เพราะไม่มีน้ำย่อยที่จะย่อยโปรตีนกับวิตามิน
                ...เมื่อย่อยไม่ได้ ร่างกายก็ดูดซึมสารอาหารไปใช้ไม่ได้ โปรตีนลดลง วิตามินลดลง กินเสริมเข้าไปยังไงก็ไม่ไหว เพราะมีตัวคอยขัด  ระบบการย่อยอาหารก็มีปัญหา”
                การอ่านค่าเช่นนี้ไม่ใช่ใครก็อ่านได้ ประสบการณ์การเป็นหมอสูติฯ นาน 30 กว่าปี คือรากฐานที่คุณหมอนำมาผสมผสานกับเทคโนโลยีที่ศูนย์เอชเอ็มซี จนเชี่ยวชาญในการอ่านค่าเหล่านั้นในเวลาอันรวดเร็ว
                “คือพอเราเป็นหมอ เวลาอ่านเรื่องโปรตีน เรื่องระบบย่อยอาหาร ผมนึกภาพออกว่ากระบวนการทั้งหมดเป็นอย่างไร
                ...ถ้าไม่ได้เรียนแพทย์มา จะนึกภาพไม่ออก ความเข้าใจจะไม่เหมือนกัน กายเป็นหมอทำให้ศึกษาเรื่องนี้ได้ง่ายขึ้น แต่ไม่ใช่ไม่ใช้เวลา ผมใช้เวลา 7-8 ปี นานพอ ๆ กับที่เรียนแพทย์ แล้วตอนนี้ผมก็เชื่อว่ารู้น่าจะยังไงไม่ถึง 10% ของความรู้ทั้งหมด”
                การตรวจสุขภาพจะมีสองส่วน นอกจากใช้เครื่อง MRIT แล้ว ยังเจาะเลือดหนึ่งหยดที่ปลายนิ้วมาส่องกล้องดูที่กำลังขยาย 400 เท่า ว่าคุณภาพเลือดเป็นอย่างไร เรียกว่า Live Blood Analysis
          ทั่วไปแล้วจะต้องเห็นเซลล์เม็ดเลือดแดงกระจายเป็นเม็ด ๆ แต่คนยุคปัจจุบันมักจะมีเซลล์เม็ดเลือดแดงจับตัวเป็นแถวซ้อนกันแน่น
 
 
เมื่อเม็ดเลือดแดงวัยอ่อนสามารถสร้างโปรตีนที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเม็ดเลือดแดงครบแล้วโดยเฉพาะ Hemoglobin นิวเคลียสของเม็ดเลือดแดงจะถูกกำจัดไป
 
                ในนั้นยังมีสารโลหะหนักที่สะท้อนแสงแวววาวเรียกอีกอย่างว่า “คริสตัล” ถ้ามีสีแดงหรือขาว แสดงว่าได้รับจากมลภาวะ
                แต่ถ้าเป็นสีเหลืองแสดงว่าไม่ได้ถ่ายท้องช่วงเช้า ทำให้สารพิษในลำไส้ดูดซึมกลับเข้าสู่กระแสเลือด
                “ก่อนเจ็ดโมงเช้านั้นสำคัญ เพราะร่างกายดีทอกซ์ตัวเอง ถ้าเขากวาดพิษไปกองไว้แล้วไม่ได้กำจัดออกไป พิษนั้นจะย้อนกลับเข้ามาใหม่ ถึงจะขับถ่ายเวลาอื่น ก็ยังย้อนกลับมาได้
                ...อย่างเห็นเม็ดเลือดแดงเข้าแถวซ้อนกัน ก็รู้ได้เลยว่าค่าเลือดเป็นกรด
                ...เลือดนี่ต้องเป็นประจุลบ ค่า pH(Hydrogen lon) ประมาณ 3.4 แล้วเม็ดเลือดจะผลักกันเอง กระจายตัวได้ดีเลือดไหลเวียนในหลอดเลือดง่าย
                ...แต่ถ้ากินแป้งมาก กินโปรตีนจากเนื้อสัตว์มาก จะมีประจุบวกเยอะ ทำให้เม็ดเลือดแดงบางเม็ดเป็นบวก บางเม็ดเป็นลบ มีแรงแม่เหล็กดูดติดกัน เลือดอย่างนี้จะไหลไปไหนก็ไม่ดี
                ...แล้วถ้าเลือดเป็นกรดอย่างนี้นาน ๆ คุณตาย ร่างกายเลยแก้ด้วยการดึงแคลเซียมออกมาจากกระดูกเพื่อให้เลือดเป็นด่าง
                ...ยิ่งเป็นกรดมาก ก็ยิ่งดึงแคลเซียมออกมามาก กระดูดคุณก็พรุนสิ
                ...อีกโรคที่การตรวจเลือดแบบนี้บอกได้ค่อนข้างดีว่าเป็นหรือเปล่าคือ Leaky Gut หรือลำไส้รั่ว
                ...ปรกติเซลล์เยื่อบุผนังลำไส้จะติดกันแน่น แต่พอเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด กินเร็ว กระเพาะก็ส่งต่ออาหารโมเลกุลใหญ่ ๆ ไปให้ลำไส้ นานเข้าช่องระหว่างเซลล์ผนังเยื่อบุลำไส้เลยหลวม
                ...อาการหลวม ๆ นี่ละที่เรียกว่าลำไส้รั่ว
                ...โมเลกุลใหญ่ ๆ ของอาหารบางชนิดที่ผ่านช่องระหว่างเซลล์นี้ไปได้ โดยเฉพาะโปรตีนที่ไม่ย่อย พอเข้าไปในเลือดจะกลายเป็นสิ่งแปลกปลอมที่ไปกระตุ้นให้ภูมิต้านทานของเราทำงาน ระบบในร่างกายก็รวน ผิดปรกติไป”
                คุณหมอขวัญชัยสรุปสั้น ๆ ว่า อาการผิดปรกติของคนยุคปัจจุบันมาจากปาก จึงต้องแก้ที่ปาก
                “ปรับอาหารให้เป็นด่างคือกินผักเยอะมาก ๆ งดนม ชีส ถั่วเหลือง
                ...คุณรู้มั้ยว่าในผักผลไม้ทุกชนิดมีโปรตีนครบ ถ้ากินผักและผลไม้ได้หลากหลายชนิด แล้วทานโปรตีนเช่นจากถั่วบางชนิด จากปลา สัตว์น้ำ เนื้อสัตว์อื่น ก็ได้โปรตีนครบ
                ...ถ้าสั่งอาหารข้างนอกกินอะไรก็ได้ที่มีผักเยอะ ๆ 1 ชาม ผัดสดได้ยิ่งดี แล้วค่อยทานข้าว หรือเนื้อสัตว์ แต่อย่าทานเยอะ
                ...เนื้อสัตว์ทั้งวันกินแค่ 1 ฝ่ามือคุณก็พอ ข้าวแต่ละมื้อทานแค่ 1 ฝ่ามือก็พอ ราว 100 กรัม หรือ 400 แคลอรี
                ...อย่ากินของทอด ของผัด ของหวานกับขนมปังนี่เลิกไปเลย เพราะขนมปังกับเค้กมีกลูเตนที่กระตุ้นภูมิแพ้
                ...ส่วนคนที่อยากได้แคลเซียม ให้กินที่เป็นไปโอ แคลเซียมเยอะ ๆ คือปลาเล็ก ปลาน้อย งาดำ ผักใบเขียว
                ...แล้วออกกำลังกาย ถ้าไม่มีเวลาก็เดิน ทำงานก็เดินขึ้นบันไดไปสิ สามสี่ชั้นก็พอ 15 นาที เดินไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องเร่ง แต่ถ้าเดินพื้นราบเดินเร็ว ๆ
                ...แล้วดื่มน้ำอย่างนี้ ตื่นมาดื่มน้ำ 2 แก้ว หนึ่งชั่วโมงหลังอาหารทุกมื้อให้ดื่ม 1 แก้ว
                ...สายกับบ่าย ก่อนอาหารหนึ่งชั่วโมงดื่ม 2 แก้ว ได้แล้ว 9 แก้ว
                ...ก่อนนอนไม่ต้องดื่ม เพราะไตต้องการพักผ่อน
                ...คนไข้ที่ไม่ฟังก็มีเยอะไป เขาเชื่อผลที่ออกมา แต่ไม่เปลี่ยนการกิน ไม่เปลี่ยนการใช้ชีวิต เพราะไม่อยากเปลี่ยน
                ...บางคนอยากกินโต๊ะจีน อยากกินขนม นี่แสดงให้เห็นชัด ๆ ว่าหมอเป็นแค่คนนำทาง คุณต้องไปปฏิบัติเองถึงจะเห็นผล
                ...คนที่ไปปฏิบัติตามได้ผลทุกคนครับ มีคนนึง-ความที่เขาเป็นอาจารย์ แล้วเป็นด็อกเตอร์ มีวินัยสูง ทำตามที่ผมสอนทุกอย่าง น้ำหนักเขาลดไป 12 กิโลภายในสองเดือน กระฉับกระเฉงเป็นคนละคนเลย”
                จากที่เคยจับต้นชนปลายไม่ถูกกับกรณีของคุณพ่อคุณแม่และพี่เขยตัวเอง ตอนนี้คุณหมอบอกว่ามีความสุขมากที่ช่วยคนอื่น ๆ ได้ กระทั่งคุณหมอเองก็เปลี่ยนไปเยอะ
                มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น เพราะใช้ชีวิตประจำวันได้ถูกต้อง
 






Copyright © 2010 All Rights Reserved.

เอ็กซ์ฟากรุ๊ป
โทร. 02-5384438 085-6898413 Fax. 02-5304938